World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

—สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเช้านี้ (15 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวของจีนที่จะประกาศในวันนี้

-- เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 1.0% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ แม้บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ผลกระทบเต็มรูปแบบต่อการเติบโตจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจยังไม่ปรากฏจนกว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลในอนาคต

การส่งออกและการใช้จ่ายด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนเหตุผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) ว่า การประชุมที่จะมีขึ้นระหว่างเขากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียที่รัฐอะแลสกาในสหรัฐฯ มีโอกาสราว 25% ที่จะไม่ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองมีกำหนดจัดขึ้นที่ฐานทัพเอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสันในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา โดยการประชุมแบบตัวต่อตัวระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.ปูตินจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (15 ส.ค.) เวลา 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในรัฐอะแลสกา หรือตรงกับวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. เวลา 02.30 น.ตามเวลาไทย

-- นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.และต.ค. แม้มีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาด

อย่างไรก็ดี สำหรับเดือนธ.ค. นักลงทุนให้น้ำหนัก 44.7% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 37.2% เมื่อวันพุธ และให้น้ำหนัก 43.9% ในการคาดการณ์ว่าเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. ลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 54.4% เมื่อวันพุธ

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนก.ค.เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.)

ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.4% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากปรับตัว 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมิ.ย.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.9% จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากปรับตัว 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมิ.ย.

-- ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในระยะ 6 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 46.2% เพิ่มขึ้นจากระดับ 43.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 31.0%

-- ธนาคารกลางนอร์เวย์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25% เมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ธนาคารกลางส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปภายในปีนี้

"หากเศรษฐกิจดำเนินไปตามที่คาดการณ์ไว้ เราก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปภายในปีนี้ แต่เรายังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการในการประชุมเดือนกันยายน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ" ไอดา โวลเดน บาค ผู้ว่าการธนาคารกลางนอร์เวย์กล่าว

-- อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า เขาได้ทำการทบทวนปฏิบัติการทางทหารในการเข้ายึดกาซา ซิตี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเตรียมความพร้อมของอิสราเอลในการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในฉนวนกาซา นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นในเดือนต.ค.2566

ทั้งนี้ แคตซ์ได้พบกับพลเอกไอยาล ซามีร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมทั้งผู้บัญชาการทหารระดับสูงคนอื่น ๆ ที่กองบัญชาการทหารในกรุงเทลอาวีฟ โดยพวกเขาได้นำเสนอแผนปฏิบัติการเพื่อยึดครองกาซา ซิตี้ และพื้นที่อื่น ๆ ที่อิสราเอลยังไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด โดยแผนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงเมื่อต้นสัปดาห์นี้

-- ข้อมูลเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญในวันนี้ (15 ส.ค.) ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 (ประมาณการเบื้องต้น) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., จีนเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ค. และอัตราว่างงานเดือนก.ค. และสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.