ห้องเม่าปีกเหล็ก

มองหุ้น CIMBT กับความท้าทายโมเดลรุกรายย่อย

โดย Durant
เผยแพร่ :
71 views

มองหุ้น CIMBT กับความท้าทายโมเดลรุกรายย่อย

 

 

ราคาหุ้น CIMBT พุ่งแรงสองวันติดต่อกันก่อนปิดตลาดสัปดาห์ที่แล้ว (ศุกร์ 16 ธ.ค.) พร้อมวอลุ่มเข้าหนุน ในช่วงที่ตลาดเผชิญแรงขายทำกำไรกลุ่มพลังงาน และหุ้นบิ๊กแค็ป ในกลุ่มอื่นอย่างไอซีที และ Healthcare ขณะในส่วน Commodity ยังพบแรงซื้อทยอยเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับราคาน้ำตาล (KSL, BRR) สอดคล้องไปกับบิ๊กแค็ปในกลุ่มอาหาร (CPF, TU)

เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (15 ธ.ค.) CIMBT เปิดโต๊ะแถลงข่าวถึงการเข้าไปเปิดสาขาใน 7-11 จนเป็นที่มาของคำถามว่าโมเดลธุรกิจนี้จะช่วยสนับสนุนผลประกอบการจริงหรือไม่?

 

“ธนเดช รังษีธนานนท์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย) เปิดเผย Money Channel ว่า ราคาหุ้น CIMBT พุ่งขึ้นร้อนแรงส่วนหนึ่งเป็นเพราะหุ้นมี Free float ต่ำเพียงแค่ 6.3% เท่านั้น และแม้ว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูง ก็สามารถผลักดันราคาหุ้นวิ่งขึ้นร้อนแรงจนติดเพดาน ส่วนการที่จำนวน Free float ต่ำ จึงไม่มีนักวิเคราะห์เข้ามาประเมินราคาพื้นฐานอย่างเป็นทางการ

 

อีกประเด็นที่น่าจับตา คือ การที่หุ้น CIMBT พลิกกลับมาบวกโดดเด่น อาจเป็นเพราะราคาหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ลดลงมาลึกต่ำกว่า 1 บาท จากที่เคยขึ้นไปสูงถึง 2 บาทกว่า ส่งผลให้ CIMB Group บริษัทแม่ที่มีสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในมาเลเซีย และใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกิดผลขาดทุนทางบัญชีจำนวนมาก เพราะถ้าย้อนกลับไปปี 2551 พบว่า CIMB Group เข้ามาซื้อกิจการธนาคารไทยธนาคารในราคาหุ้นละ 2.10 บาท มูลค่ารวมกว่า 5.9 พันล้านบาท สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีถึง 3 เท่า เรียกได้ว่าเป็นดีลการซื้อกิจการธนาคารในไทยที่ราคาสูงเป็นอันดับต้นๆ และหลังจากนั้น CIMBT ได้มีการเพิ่มทุนเข้ามาเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง  ดังนั้น เมื่อราคาหุ้น CIMBT พลิกกลับมาฟื้นตัวอยู่ระดับสูง ก็จะทำให้ธนาคารแม่ CIMB Group จะกลับมามีผลบวกทางบัญชีก่อนปิดงบปี 2559

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดข้างต้นเป็นเพียงแค่การตั้งข้อสังเกตเท่านั้น แต่ถ้ามาประเมินปัจจัยพื้นฐานถึงโมเดลธุรกิจการเข้าไปเปิดสาขาใน 7-11 ของ CPALL จุดเปลี่ยนดังกล่าวยังไม่เพียงพอทำให้เห็นผลบวกที่ชัดเจนต่อศักยภาพทำกำไรในระยะสั้น แม้สาขาของ 7-11 จะมีจำนวนมาก แต่อาจจะไม่เห็น CIMBT เปิดในทุกๆสาขา

 

ขณะเดียวกัน โมเดลการเปิดสาขาเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันธนาคารแต่ละแห่งก็ลดจำนวนลง เพราะด้วยต้นทุนที่สูง ประกอบกับไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับต้นทุน ไม่เหมือนกับในอดีตที่การแข่งขันเรื่องขยายสาขาจำนวนมาก ถือเป็นกลยุทธ์หลักในการเข้าถึงลูกค้า

 

หรือแม้ว่าจะมองเป็นโมเดลเจาะถึงลูกค้ารีเทล คุณธนเดชก็มองว่ายังมีอีกหลายช่องทางที่ใช้ต้นทุนต่ำ อาทิ “โมบายแบงก์กิ้ง” เป็นต้น ดังนั้น จึงมองว่าการเปิดสาขาย่อย ไม่ใช่จุดเปลี่ยนด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมธนาคารของไทย แต่มองว่าจุดเปลี่ยนการแข่งขัน คือ การปรับสู่ระบบ ดิจิตอลแพลตฟอร์ม ให้ตอบสนองกับลูกค้าให้ได้มากที่สุดมากกว่า

 

"ผมคิดว่าการใช้โมเดลเปิดสาขาร่วมกับพันธมิตรอย่าง 7-11 ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่คงต้องมาดูกันว่าจะคุ้มค่ามากแค่ไหน เพราะการเปิดสาขาย่อยใช้ต้นทุนไม่สูง และเมื่อใช้ร่วมกับโมเดลป่าล้อมเมืองของ 7-11 น่าจะเข้าถึงรายย่อยได้มากขึ้น แต่ต้องบอกว่าธุรกิจแบงก์กับรายย่อยนั้น มีมาร์จิ้นต่ำมาก และถ้าจะไปแข่งขันสินเชื่อระดับรากหญ้ากับคู่แข่งในตลาดเดิมๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะระบบสินเชื่อแบงก์มีความยืดหยุ่นได้น้อยกว่าอยู่แล้ว ซึ่งถ้าทำได้ก็คงจะเป็นการเรียกฐานเงินฝากให้เพิ่มมากขึ้นมากกว่า"

 

ด้าน “มงคล พ่วงเภตรา” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) บอกกับ Money Channel ว่า ถ้าประเมิน Valuation ของราคาหุ้น CIMBT ในปัจจุบันคิดว่าราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐานและความเป็นจริงไปมาก เพราะโดยปกติแล้วราคาหุ้นกลุ่มธนาคารจะซื้อขายบนค่าเฉลี่ยมูลค่าทางบัญชี  (P/BV) 1 เท่า และธนาคารนั้นต้องมีกำไรส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ย 11% แต่เมื่อพิจารณาสถานะด้านการเงินหรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น CIMBT ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน สะท้อนได้จาก ROE ที่ต่ำเพียงกว่า 4% ประกอบกับหุ้นมี Free float ที่ต่ำเพียงกว่า 6% ทำให้ราคาหุ้น CIMBT ที่ควรจะเป็นในกระดานซื้อขายต้องอิงมูลค่าทางบัญชีไม่สูงเกินกว่า 1 เท่า ซึ่งปัจจุบันมูลค่าทางบัญชี CIMBT อยู่ที่ 1.10 บาท ดังนั้น เมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นในกระดานจึงสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีกว่า 1.5 เท่าไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เขามองการที่ราคาหุ้น CIMBT ที่ขึ้นมาแรงอาจเก็งไปตามกระแสข่าวบวกจากการจับมือร่วมกับ 7-11 ในการเปิดสาขาย่อย แต่คงต้องติดตามต่อไปว่า โมเดลธุรกิจในรูปแบบนี้ จะสำเร็จได้หรือไม่ แม้ว่าจะเป็นกลยุทธ์การลดต้นทุนด้านสาขาลง เพราะก่อนหน้านี้ CIMBT มีสาขากว่า 120 แห่ง แต่ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 90 แห่ง แต่ด้วยกลยุธ์เปิดสาขาย่อย หรืออาจจะเรียกว่าเป็น Outlet ที่มีอยู่จำนวนมากตาม 7-11 ธนาคารฯ จำเป็นต้องมีบัญชีลูกค้าในมือที่มากพอเพื่อให้บริการได้ทั่วถึง แต่หากเปิดแล้ว มีผู้เข้าใช้บริการน้อยราย อาจจะไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่สูญเสียไป

 

แต่ทั้งนี้ ถ้ามองในมุมบวกก็อาจมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ได้ง่าย ทำให้ระดมเงินฝากได้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นธุรกรรมด้านสินเชื่ออาจจะแข่งขันกับเจ้าตลาดเดิมในพื้นที่ลำบาก

 

ส่งท้ายด้วย “อุษณีย์ ลิ่วรัตน์” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส  มองว่าปัจุบันธนาคารรายใหญ่จนถึงรายเล็กต่างทยอยปิดสาขาลงเรื่อยๆ เพื่อคุมต้นทุนการบริหาร ภายใต้กระแสผู้บริโภคกำลังเข้าสู่ยุคดิจิตอลแบงก์กิ้ง ซึ่งในกรณี CIMBT ด้วยบริษัทแม่เป็นธนาคารรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย และเน้นลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก ดังนั้น การได้พันธมิตรกลุ่มซีพีอย่าง 7-11 ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศจึงน่าจะทำประโยชน์ได้อีกหลายด้านในอนาคต

 

แต่ถ้าให้ประเมินถึงโอกาสเติบโตในอนาคตคงจะคาดเดาได้ยาก เพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมมีสูง โดยเฉพาะในปีหน้า หุ้นธนาคารรายใหญ่จะมีความน่าสนใจมากกว่าธนาคารรายเล็ก เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาพลิกฟื้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ขณะที่ปัญหา NPL ของกลุ่มลูกค้า SMEs จะเริ่มคลี่คลายลง

 

*********************************

ทีม Business&Finance , Money Channel


Durant