คัดมาให้!! 10 หุ้น Mid-Small caps ที่น่าสะสม มีกำไรดี สตอรี่เด่น เน้น ESG

ปัจจัยกดดันต่างๆ เข้ามากระทบการลงทุน ทั้งประเด็นเงินเฟ้อสูง, ความเสี่ยงจากนโยบายของ FED, ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นต้น ซึ่งล้วนนำไปสู่แรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนควรทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบแล้ว


นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยกดดันต่างๆ เข้ามากระทบการลงทุนระยะสั้น ทั้งประเด็นเงินเฟ้อสูง, ความเสี่ยงจากนโยบายของ FED, ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นต้น ซึ่งล้วนนำไปสู่แรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก เป็นปัจจัยที่จำกัด Upside ในระยะสั้นของตลาด จึงอาจส่งผลให้ในช่วงนี้หุ้น Big Caps อาจ Underperform หุ้น Mid-Small caps ส่วนตลาดอาจจะมีแรงดีดฟื้นตัว หลังจากตอบรับปัจจัยต่างๆ แต่ก็ยังมีการแกว่งตัวที่ผันผวน


โดยแนะนำสะสม Mid-Small caps กำไรดี สตอรี่เด่น เน้น ESG: ด้วยภาวะตลาดในปัจจุบันที่ยังมีปัจจัยจำกัด Upside จึงอาจต้องใช้กลยุทธ์การลงทุนในการคัดสรรหุ้นที่ดี เพื่อจะสามารถหาผลตอบแทนชนะตลาดได้ ซึ่งฝ่ายวิจัยให้ความสำคัญในหลายแง่มุม ได้แก่

• ศักยภาพในการทำกำไร ทั้งด้านกำไรสุทธิ การบริหารต้นทุน การปรับราคาขาย อัตราการทำกำไรขั้นต้น เป็นต้น

• สตอรี่ในการหนุนการเติบโตในช่วงถัดไป ซึ่งบ่งชี้ถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร

• การให้ความสำคัญกับ ESG (Environment, Social, Governance) ที่จะหนุนให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

ดังนั้นด้วยเงื่อนไขทั้งหมด จึงได้คัดกรองหุ้น Mid-Small caps ที่น่าสนใจได้แก่ AAV, AU, BE8, DCC, MAJOR, RS, SISB, TWPC, VNG, YGG โดยทั้ง 10 หุ้นนี้มองว่าเทรนด์ของกำไรปีนี้จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แต่การรีบาวด์จะช้าเร็วแตกต่างกันออกไป


“คอนเซ็ปการลงทุนในเชิงการเงินน่าจะมี 4 กลุ่ม คือ  Earning Play กำไรที่กลับมา รวมทั้ง business model ที่ดี การเทิร์นด์อะราวด์ และมีปัจจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคที่สนับสนุน”


AAV กลยุทธ์ จากราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ยืนสูง 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าประมาณการเฉลี่ยปีนี้ของบริษัทที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้น คาดงบไตรมาส 1/65 จะขาดทุนราว 1,500-2,000 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มเป็นจุดต่ำสุดของปี 2565 โดยช่วงเดือน เม.ย. - การประกาศงบไตรมาส 1/65 จึงเหมาะกับการทยอยสะสมช่วง 2.80-3.00 บาท โดยมีเป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 3.60 บาท อิง P/BV 2.57 เท่า (ค่าเฉลี่ยสายการบินในแปซิฟิก)


AU กุลยุทธ์ สะสมก่อนการรายงานงบกำไรไตรมาส 1/65 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี ซึ่งจะตามมาด้วย Earnings momentum ที่จะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อนในทุกไตรมาสที่เหลือในปี 2565 คาดผลประกอบการจะ Turnaround อย่างมีนัยสำคัญ จาก 4 ล้านบาทในปีก่อนเป็น 120 ล้านบาท ระยะสั้น SSSG บวก 8-10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วยหนุนกำไรในไตรมาส 1/65 เป็นบวกได้เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน มองกรอบราคาเหมาะสม 11.00-14.00 บาท/หุ้น อิง Cons. บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่ดี และมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งพอจะฟื้นตัวหลังวิกฤตส่งผลให้ P/E มีแนวโน้มที่ลดลงใน 1-2 ปี


BE8 กลยุทธ์ ใช้จังหวะราคาหุ้นย่อตัว ต่ำกว่า 40 บาท เป็นโอกาสในการทยอยสะสม โดยเน้นการถือยาวไปตามMegatrend ของการเติบโตของเทคโนโลยี โดยจากแนวโน้มกำไรที่เป็นขาขึ้นเฉลี่ย 52% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า จึงคาดตลาดจะเทรดกันที่ Premium โดยหากอิง PEG 1 เท่าของปี 66 จะได้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ราว 50 บาท


DCC คาดกำไรไตรมาส 1/65 จะทำสถิติใหม่ต่อเนื่องที่ระดับ 537 ล้านบาท เติบโต 38%จากไตรมาสก่อน และเติบโต+9%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับเพิ่มราคาขาย และมีการขายสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น คาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นสู่ 43.7% จากไตรมาส 4/64 ที่ 43% และ 42.7% ในปีก่อน ผสานฐานะการเงินแข็งแกร่งและคาดปันผล 6.3% ต่อปีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.5 บาท กลยุทธ์แนะนำ ทยอยสะสม โดยปี 2565 คาดยอดขาย 8,719 ล้านบาท เติบโต 4% มีอัตรากำไรขั้นต้น 43.7% และ มีกำไรสุทธิ 1,777 ล้านบาท เติบโต 4% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งโดยพื้นฐานกำไรดีขึ้นเรื่อยๆ P/E ไม่แพงมาก และปันผลสูงมาก จึงเป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าลงทุน


MAJOR กลยุทธ์ แนะทยอยซื้อ โดยคาดผลประกอบการฟื้นตัวเล็กน้อยในไตรมาส 1/65 แต่จะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2/65 ทำให้คาดจะฟื้นจากขาดทุนปกติ 832 ล้านบาทในปี 2564 มาเป็นกำไร 677 ล้านบาทในปี 2565 โดยรายได้จะเพิ่มขึ้นชัดเจนจากทั้งความต้องการดูหนังฟื้นตัว และการมีหนังเข้าฉายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบริษัทยังมีการลดต้นทุน และค่าใช้จ่ายลงตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงจะมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่อง


RS กลยุทธ์ แนะสะสมก่อนรายงานงบไตรมาส 1/65 ที่คาดพลิกเป็นบวกจากไตรมาสก่อน ตามการฟื้นตัวของรายได้การขาย-อัตรากำไร ก่อนที่จะเดินหน้าขยายตัวเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งตลาดมีโอกาสตอบรับและมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น โดยตลาดประเมินราคาพื้นฐาน 20-25 บาท


SISB แนวโน้มกำไรปี 2565 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ราว 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91%จากปีก่อน จากจำนวนนักเรียนที่เติบโต 2,750 คน เติบโต 13%จากปีก่อน มาพร้อมกับอัตรากำไรที่สูงขึ้นตามการประหยัดต่อขนาด แนะทยอยสะสมรองบไตรมาส 1/65 ที่กำไรจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนนักเรียนที่เริ่มกลับ ก่อนเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ในช่วงที่เหลือของปีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 17 บาท


TWPC ประเด็นราคาอาหารโลกที่แพง โดยวิกฤตสงครามทำให้เงินเฟ้อขึ้นทั่วโลก และยังทำให้ soft commodities ปรับราคาขึ้นด้วย รวมทถึงราคาแป้งมันสำปะหลังที่ดีดตัวขึ้น ทำให้ราคาขายมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยไฮซีซั่นอยู่ในช่วงไตรมาส 1 จึงคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 1 จะขยายตัวได้ดีเป็นจุดสูงสุด จากอุปสงค์ที่แข็งแรง ราคาที่ปรับขึ้น ต้นทุนขนส่งที่กำลังลดลง อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ เนื่องจากราคาแป้งมันสำปะหลังในรอบนี้เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดยูเครน-รัสเชียด้วย ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงควรใช้จังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัวช่วงราคา 6.40-6.80 บาท โดยใน 2 ปีที่ผ่านมา TWPCซื้อขายที่ P/E เฉลี่ย 19.1 เท่า จากตลาดคาดการณ์ EPSปีนี้ 0.43 บาท/ หุ้น ดังนั้นราคาเป้าหมายเบื้องต้นจะอยู่ที่ 8.20 บาท


VNG กุลยุทธ์ รอจังหวะเข้าซื้อหลังประกาศงบไตรมาสแรกซึ่งมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง โดยประเมินราคาเป้าหมายบนฐาน P/E 15 เท่า ได้เท่ากับ 13 บาท ซึ่งตลาดประเมินกำไรสุทธิปี 2565 จะประมาณ 1,500 ล้านบาทเติบโต 16%


YGG กลยุทธ์ ทยอยสะสมก่อนเปิดตัว HSH ver.2 ในเดือนพ.ค. และเกมใหม่อีก 5 เกมในไตรมาส 2-3/65 หากได้รับผลตอบรับดีจะมี Upside risk ต่อประมาณการปี 2565-67 โดยตลาดประเมินกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 150 ล้านบาท เติบโต 33%จากปีก่อน สอดคล้องกับ รายได้ธุรกิจผลิต 250 ล้านบาท เติบโต 15%จากปีก่อน ซึ่งรับรู้ตาม Backlog ต่อเนื่องจากปีก่อน และงานใหม่จากผู้ผลิตคอนเทนต์ในจีน-OTT แพลตฟอร์ม และจากธุรกิจเกม เพิ่มขึ้น 47%จากปีก่อน รับรู้รายได้จาก 4 เกมใหม่ระหว่างปี เป้าพื้นฐานกรอบ 14-14.50 บาทหุ้น อิงค่าเฉลี่ยกลุ่ม Technology สะท้อน PEG 2 เท่า (Cons.)