IMF เตือนตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น หุ้น-คริปโทฯอาจเกิดแรงเทขาย ท่ามกลางแบงก์ชาติทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ย
นายโทเบียส เอเดรียน ที่ปรึกษาด้านการเงินและผู้อำนวยการฝ่ายตลาดเงินและตลาดทุนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่าตลาดการเงินจะผันผวนมากขึ้นอีกในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่รัฐบาลทั่วโลกพยายามเร่งฟื้นเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันได้กล่าวกับ Geoff Cutmore ของ CNBCการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางในการกระชับนโยบายการเงินและควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อาจผลักดันให้หุ้นที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ระดับสีแดงมากขึ้น แม้ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายให้คำมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างราบรื่น
“เราสามารถเห็นสภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นได้อย่างแน่นอน และนั่นหมายความว่าสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น สามารถขายออกไปได้อีก” เอเดรียนกล่าว และว่า ปฏิกิริยาของตลาดจะขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารกลางในการสื่อสารเจตนารมณ์ของธนาคารกลางเป็นหลัก พร้อมเรียกร้องให้มีคำสั่งและความโปร่งใส
ทั้งนี้ในวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าสามารถหยุดโครงการซื้อสินทรัพย์และเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม
“เรากำลังประมาณการ เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% โดยไม่คาดคิด อาจเห็นการเทขายออกอีกมากในตลาดตราสารทุน” เอเดรียนกล่าวเสริม โดยสังเกตว่าบางภาคส่วนจะได้รับผลกระทบแย่กว่าภาคอื่นๆ ซึ่งการหยุดชะงักดังกล่าวอาจส่งผลต่อตลาดคริปโทฯเช่นกัน ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและได้เห็นการเทขายครั้งใหญ่ในปีนี้
ความเห็นของเอเดรียนเกิดขึ้นในขณะที่ IMF เปิดเผยรายงานความมั่นคงทางการเงินทั่วโลกเมื่อวันพฤหัสบดี ตามการเปิดเผยของ World Economic Outlook เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งปรับลดการเติบโตทั่วโลกเป็น 4.4% ในปี 2565 แม้ว่าแรงกดดันที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รายงานของวันพฤหัสบดีระบุว่ารายรับของบริษัทคาดว่าจะเกินระดับก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2565 ในภาคส่วนส่วนใหญ่
นอกจากนี้รายงานของไอเอ็มเอฟยังเน้นย้ำถึงความเสี่ยงต่อตลาดเกิดใหม่จากการปรับนโยบายให้เป็นปกติในกลุ่มเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว
โดยเตือนก่อนหน้านี้ว่านโยบายที่เข้มงวดของสหรัฐจะขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเอเชียเกิดใหม่ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่ยังส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้การฟื้นตัวของการเติบโตมีความเสี่ยง
“เราเห็นแล้วว่ากระแสเงินทุนไหลผ่านตลาดเกิดใหม่หลายแห่งชะลอตัวลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และเราอาจเห็นการชะลอตัวต่อไปในอนาคต” เอเดรียนกล่าว