ห้องเม่าปีกเหล็ก

เรื่องจากข่าววันนีี้: EU-ญี่ปุ่นลงนามการค้าเสรีเป็นทางการแล้ว มีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน?

โดย Pnatv
เผยแพร่ :
68 views

เมื่อเร็วๆนี้ สหภาพยุโรปหรือ EUกับประเทศญี่ปุ่น ได้ลงนามการค้าเสรีเป็นทางการแล้ว แล้วผลที่ตามมาคืออะไร ดีหรือเสียมากกว่ากัน?

Abe Shinzo, Person, Portrait, Face, Smile, Happy, ManEurope, Flag, Star, European, International

 

สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง cnn และ bbc รายงานว่าญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปได้ทำข้อตกลงทางการโดยค้าเสรี นั่นคือการทลายกำแพงภาษี ลดการกีดกันการค้า นั่นคือการนำเข้าและส่งออกได้อย่างเสรี โดยมีรายละเอียดคือ...

การบรรลุความเห็นพ้องทางการเมืองร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นกับอียูมีขึ้นก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (จี 20) ที่เยอรมนี ซึ่งทรัมป์จะเข้าร่วมประชุมด้วยในวันศุกร์และเสาร์นี้ โดยคาดการณ์ว่าผู้นำสหรัฐจะปกป้องจุดยืนในการใช้นโยบายปกป้องทางการค้าของเขา

ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างญี่ปุ่นและอียูที่เจรจากันมานาน 4 ปียังเกิดภายหลังทรัมป์ได้นำสหรัฐถอนตัวจากความตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก (ทีพีพี) เมื่อเดือนมกราคมปีนี้

การลงนามความตกลงฉบับคร่าวๆ ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีขึ้นภายหลังการพบปะระหว่างนายกฯ ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น กับฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยุงเคอร์พร้อมด้วยอาเบะ และโดนัลด์ ทุสก์ ประธานคณะมนตรียุโรปได้แถลงข่าวร่วมกัน ประกาศว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในหลักการว่าด้วยความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกว้างไกลกว่าผืนแผ่นดินของทั้งสองฝั่ง

เศรษฐกิจของอียูและญี่ปุ่นรวมกันเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของผลผลิตโดยรวมทั้งโลก ทำให้เอฟทีเอนี้เป็นหนึ่งในความตกลงการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพยายามจัดทำขึ้น

ตามข้อตกลงนี้ อียูคาดว่าจะเข้าถึงตลาดญี่ปุ่นที่ถือว่าเป็นตลาดที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 และมีประชากรถึง 127 ล้านคน ขณะที่ญี่ปุ่นก็คาดหวังจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจของตนขึ้นใหม่หลังจากดิ้นรนขับดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งมานานกว่าทศวรรษ

ความตกลงทางการเมืองของเอฟทีเอฉบับนี้ครอบคลุมถึงภาคส่วนที่ยากเย็นที่สุดของการเจรจา แต่ยังละเว้นรายละเอียดบางประการที่ยังตกลงกันไม่ได้ หัวใจสำคัญของความตกลงฉบับนี้ ในฝั่งของอียูจะเปิดตลาดสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น ส่วนญี่ปุ่นจะตอบแทนด้วยการยกเลิกอุปสรรคทางการค้าสำหรับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากนม ของอียู

เจ้าหน้าที่อียูยืนกรานกันว่า ความตกลงนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรในยุโรป ที่จะได้เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่อย่างญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดที่อียูส่งสินออกสินค้ามากเป็นอันดับ 7

รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ประเด็นหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายยังละไว้สำหรับการเจรจาต่อไปคือระบบศาลเพื่อการลงทุน ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงและเป็นชนวนเหตุให้มีเกิดคัดค้านในหลายประเทศ รวมถึงในเยอรมนีและฝรั่งเศส

วิเคราะห์สั้นๆว่า การปล่อยให้มีการค้าเสรีเกิดขึ้นกับญี่ปุ่นเกิดผลอะไรบ้าง? การค้าเสรีเป็นหนึ่งในแนวคิดเรื่องเสรีนิยมใหม่ หรือ neoliberalism ซึ่งเป็นแนวคิดเรื่องรัฐลดบทบาทของตนเองลงแล้วผลักดันให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เช่น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การลดการผูกขาดการค้า และการเปิดเสรีทางการค้า ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานเต็มที่ แต่สิ่งที่รัฐบาลควรจะเข้ามาดูแลก็กลายเป็นว่าให้เอกชนทำแทน เช่น การประกันสุขภาพ สวัสดิการ เป็นต้น

ข้อดีการเปิดการค้าเสรีของมันคือ ใครที่มีทุนหนาหรือสามารถส่งออกได้มากก็จะมีโอกาสที่ดีกว่า ได้เปรียบกว่า กล่าวคือยิ่งได้ส่วนแบ่งทางการตลาดมากเท่าไรก็เป็นผู้ชนะได้มากเท่านั้น เพราะการที่มีส่วนแบ่งก็ยิ่งต่อสู้ได้ ผู้นำเข้าและส่งออกสามารถซื้อสินค้าได้อย่างเสรี สินค้าจากอียูเข้ามาตีตลาดญี่ปุ่นได้เสรีเช่นเดียวกันกับสินค้าญี่ปุ่นที่เข้าไปขายยุโรปได้ ผู้บริโภคมีสินค้าที่หลากหลาย สินค้าได้ตีตลาดใหม่ มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เป็นผลดีแน่นอน เช่น เนื้อมัตสึซากะ เนือวากิล เนื้อโกเบ ส่งออกไปยุโรปได้ ผลิตภัณฑ์นมจากยุโรป สินค้าเกษตรก็ตีตลาดญี่ปุ่นได้เช่นกัน

เหรียญมีสองด้าน มีดีก็ต้องมีเสีย 

ข้อเสียของมันคือเมื่อมีการค้าเสรีจะมีผู้แพ้ สินค้าภายในประเทศที่เป็นขนาดย่อมจะโดนแย่งลูกค้าจากผู้ผลิตรายใหญ่จากต่างประเทศ เช่นเกษตรกรญี่ปุ่นอาจจะโดนแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด จากการนำเข้าของยุโรป แน่นอนว่าเกษตรกรญี่ปุ่นมีรายได้ลดลงแน่ๆ ในขณะที่ชาวยุโรปก็อาจจะเดือดร้อนจากการที่มีสินค้าญี่ปุ่นมาแข่งขันไม่มากก็น้อย ทีนี้พวกบริษัทรายย่อยก็จะสู้ไม่ได้และล้มหายตายจากไป เหลือแต่พวกบิ๊กเนมเท่านั้น ซึ่งมันก็จะนำไปสู่การผูกขาด ซึ่งทางป้องกันก็คือ รัฐบาลยังคงต้องปกป้องหรือมีการกีดกันบางส่วน คอยอุ้มชูกิจการที่เกิดใหม่ให้เข้มแข็งแล้วก็เปิดเสรีให้ไปต่อสู้ในตลาดเอง หรือถ้าไม่เช่นนั้น คงจะต้องมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนเองให้ไปต่อสู้กับแบรนด์อื่นๆได้ โดยอาจจะต้องมีการพัฒนาร่วมกันกับเจ้าอื่นในแบรนด์หรือสินค้าชนิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองให้ก้าวหน้าและต่อสู้ได้ เช่น ฟอร์ดกับมาสด้า เมื่อก่อนฟอร์ดถือหุ้นในมาสด้าและพัฒนารถควบคู่ไปด้วย ที่เห็นได้ชัดคือ กระบะฟอร์ดเรนเจอร์กับกระบะมาสด้า bt-50 และเชฟโลเรต โคโลราโด้ กับอีซุซุ ดีแม็กซ์ ทั้งสองกรณีก็ต้องมีการพัฒนาสินค้าของตนเองเพื่อต่อสู้กับกลไกตลาดและดึงดูดให้ผู้บริโภคมาสนใจสินค้าตนเองให้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอดต่อไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้มีการค้าเสรีหรือผลักภาระไปให้เอกชนเข้ามาดูแลมากเกินไป เพราะหน้าที่บางอย่างมันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการเข้ามาดูแลการเติบโตของธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งมีจำนวนมากในญี่ปุ่น ซึ่งน่าสนใจว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะทำอย่างไรต่อไปในการเข้ามาดูแลธุรกิจขนาดย่อมเหล่านี้ และทิศทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะไปทางไหน ต้องคอยดูต่อไป

ที่กล่าวมาทั้งหมด การค้าเสรีย่อมมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่ละระบบเศรษฐกิจ โดยในละตินอเมริกา การค้าแบบเสรีทำให้ประเทศเหล่านั้นมีปัญหาทางเศรษฐกิจมากมาย แต่ในญี่ปุ่นนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะรุ่งเรืองหรือย่ำแย่กว่าเดิม เพราะธนูสามดอกของอาเบะยังไม่เห็นผลชัดเจนต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นเลย การเข้ามาของการค้าเสรีนี้จะอำนวยห้ญี่ปุ่นกลับมารุ่งเรืองจากการได้คู่ค้าใหม่หรือจะเสียเปรียบกว่าเดิม ขอให้ทุกท่านรอดูต่อไปยาวๆว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเพิ่งตกลงการเปิดการค้าเสรีกันไปเร็วๆนี้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์ BBC และ CNN

 

 

 

 


Pnatv