SCB ถือไป 3 เดือน หุ้นดิ่งกว่า 11%

SCB ถือไป 3 เดือน หุ้นดิ่งกว่า 11%

แต่โบรกฯ ยังผสานเสียงเชียร์ “ซื้อ”

คาดจ่ายปันผลสูงถึงปีละ 7.4%

.

หนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ก็คือ ธนาคารพาณิชย์ แต่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวก็ได้มีการปรับตัวลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่ถูกนักลงทุนพูดถึงอย่างหนาหู

.

โดยจากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลทาง Wealthy Thai พบว่า ราคาหุ้น SCB ในช่วง 3 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ถึง 26 ตุลาคม 2566) มีการปรับตัวลดลงกว่า 11.59% มาอยู่ที่ระดับ 97.25 บาท และแน่นอนว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมานั้น จะเป็นโอกาสให้เข้าลงทุนได้หรือไม่ ทางเราก็จะพาไปหาคำตอบกัน

.

สำหรับบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะ “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” ราคาเป้าหมาย 126 บาท ซึ่งราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาสะท้อนความผิดหวังผลประกอบการ เป็นโอกาสเข้าซื้อ โดยภาพรวมไตรมาส 4/66 คุณภาพสินทรัพย์ในธุรกิจ CARD X เริ่มดีขึ้น เชื่อว่าการตั้งสำรองพิเศษที่สูงมากในไตรมาสนี้เพียงพอต่อความเสี่ยงแล้ว

.

ประกอบกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมาน่าจะส่งผลบวกต่อ NIM และรายได้ดอกเบี้ยในปีหน้า รวมถึงการเน้นการโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันของ AUTO X เข้ามาเสริม จะทำให้กำไรปี 67 น่าจะดีขึ้น รวมถึง SCB ยังคงน่าสนใจในเรื่องปันผลที่คาดว่าจะจ่ายถึง 7.4% ต่อปี

.

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 128 บาท โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงได้สะท้อนความผิดหวังของตลาดต่อผลดำเนินงานไปพอสมควรแล้ว แต่ด้วยกำไรสุทธิในไตรมาส 4/66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีสอดรับกับภาพรวมของอุตสาหกรรม

.

โดยมองว่าการฟื้นตัวของราคาหุ้นจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้งในไตรมาส 1/67 ส่งผลให้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมีอัพไซด์ และคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 อีก 3.7% รวมถึงในระยะยาว SCB ยังมีการเติบโตจากธุรกิจ Consumer Finance ที่ให้ผลตอบแทนสูง

.

อย่างไรก็ดี ได้มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 และ 2567 ลงเพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยภายใต้ประมาณการใหม่ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ลดลง 5% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่โต 28.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ทั้งปี 2566 คาดมีกำไรสุทธิ 41,706 ล้านบาท เติบโต 11.1% จากปีก่อนหน้า