ห้องเม่าปีกเหล็ก

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้ไตรมาส 2/66 หุ้นไทยมี downside

โดย ลำหับ
เผยแพร่ :
270 views

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้ไตรมาส 2/66 หุ้นไทยมี downside

แนะแบ่งพอร์ตลงทุนหุ้นพื้นฐานดี-หุ้นไซด์เล็กเทิร์นอะราวด์

 

.

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองหุ้นไทยปี 66 แตะ 1,750 จุด รับอานิสงส์ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว แนะจับจังหวะเข้าซื้อช่วงไตรมาส 2/66 ที่ระดับ 1,550 -1,600 จุด ด้านกลยุทธ์ลงทุน แบ่งพอร์ต 70 : 30 เน้นหุ้นพื้นฐานดีรับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ และเก็งกำไรหุ้นไซด์เล็ก ผลงานเทิร์นอะราวด์

.

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยว่า คาดดัชนีสิ้นปี 66 จะอยู่ที่ 1,750 จุด โดยคาดว่าหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จากตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ InnovestX ประเมินว่า ข้อจำกัดเกี่ยวกับ Covid-19 ส่งผลทำให้ GDP Output ของจีนปรับลดลงราว 4-5% จากระดับ Trend ทำให้ GDP ขยายตัวราว 5%

.

ทั้งนี้มองว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อการผ่อนคลายนโยบายของจีน เนื่องจากจีนคิดเป็น 1 ใน 3 ของ Traffic และรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทย และจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสุทธิ หากตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว ตลาดหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จาก Rally และส่งผลดีต่อ 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ ขนส่ง อาหารและเครื่องดื่ม และท่องเที่ยว เนื่องจากเศรษฐกิจในปีนี้จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

.

โดยกำไรของกลุ่มพาณิชย์ในปี 66 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากยอดขายปลีกที่ดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้น ประกอบกับการขยายสาขา และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รายได้ค่าเช่ามีแนวโน้มฟื้นตัวเนื่องจากการให้ส่วนลดค่าเช่าลดลง และอัตราการเช่าพื้นที่ที่ปรับตัวดีขึ้น และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยที่ 25 ล้านคน ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มท่องเที่ยวฟื้นตัว ความต้องการใช้บริการจัดอีเว้นท์ เช่น สัมมนา และงานเลี้ยง จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

.

นอกจากนี้ การบริการด้าน Healthcare ที่ไม่เกี่ยวกับโควิดจะเติบโตเพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของบริการผู้ช่วยต่างชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้กำไรของกลุ่มการแพทย์เติบโตในปี 66 มาร์จิ้นของกลุ่มการแพทย์แข็งแกร่ง เนื่องจากมีอำนาจกำหนดราคาสูง คาดว่าจะเห็นพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นในธุรกิจใหม่ เช่น บริการสุขภาพดิจิทัล และบริการ Wellness

.

ขณะที่กลุ่มธนาคารในปี 66 คาดว่ากำไรจะเติบโต 13% โดยได้รับสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเติบโต 6% Net Interest Margin (NIM ) จะขยายตัว 6 bps ส่วน Non-Nll จะอยู่ในระดับทรงตัว และ Credit Cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 7 bps

.

“หุ้นไทยเน้นการฟื้นตัวจากปัจจัยภายในและการท่องเที่ยว แม้ว่าปัจจัยภายนอกค่อนข้างท้าทายแต่เศรษฐกิจไทยในปี 66 ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ การเปิดประเทศของจีนที่จะทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน การบริโภคภายในประเทศยังแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการส่งออกที่ชะลอตัว บริษัทจดทะเบียนไทยมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง นโยบายการเงินก็เป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ตลาดไม่ผันผวน”

.

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าไตรมาส 2/66 จะเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจและกำไรผ่านจุดต่ำสุด รวมถึงความเสี่ยงของการส่งผ่านผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ราคาพลังงานของสหภาพยุโรป โดยเหตุการณ์สำคัญที่อาจกระตุ้นให้ตลาดถึงจุดต่ำสุด คือ 1) นโยบายการเงินที่เริ่มลดระดับการตึงตัว และ 2) Real yield กลับมาเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าดอลล่าร์จะอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาด Emerging Market ซึ่งจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ระหว่าง 1,550 -1,600 จุด โดยคิดว่าตลาดหุ้นน่าจะยังมี downside อีกมากหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2/66

.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ด้วยสภาพตลาดหุ้นที่ยังคงมีความผันผวน จึงแนะนำแบ่งหุ้นเป็น 2 พอร์ต สัดส่วน 70:30 โดยพอร์ตที่ 1 สัดส่วน 70% เน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ได้ประโยชน์จากเปิดเมืองของจีนและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว มีอัตราการเติบโตดีต่อเนื่อง และมีความเป็นหุ้นเชิงรับ โดยหุ้นแนะนำ ได้แก่ AOT, BBL, BDMS, CPALL, CRC, GPSC และ SCGP

.

ส่วนพอร์ตที่ 2 สัดส่วนราว 30% เก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะเทิร์นอะราวน์ได้ในปีนี้ โดยเป็นบริษัทที่ความเสี่ยงด้านฐานะทางการเงินต่ำ โดยหุ้นแนะนำ ได้แก่ AU, HANA และ SECURE

 

 


ลำหับ