MINT รอจังหวะเอื้อ!ลงทุนโครงการขนาดใหญ่ คาดปี 66 ใช้งบ 1 หมื่นลบ.

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ปีนี้บริษัทฯใช้เงินลงทุน 6,400 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้ปรับปรุง , ขยายสาขา , การใช้จ่ายที่จำเป็น รวมถึงใช้ดำเนินการก่อสร้างโครงการที่ยังดำเนินอยู่ให้แล้วเสร็จ
.
ซึ่งบริษัทฯ ดำเนินการบริหารแบบ Asset Light ช่วงที่เพิ่งฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรอจังหวะลงทุนขนาดใหญ่ใน Hard Asset อีกครั้งช่วงที่ตลาดฟื้นตัวชัดเจนกว่านี้ ส่วนในปี 66 คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท
.
โดยผลการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจโรงแรม เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งการเข้าพักในพื้นที่บางส่วน เริ่มกลับมาอยู่ในระดับเดียวหรือดีกว่าก่อนเกิดช่วงโควิด-19 ระบาด เช่น โรงแรมในยุโรปบางส่วนมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (Revpar) ที่ดีขึ้น, โรงแรมในออสเตรเลียที่มีอัตราเข้าพักสูงแตะ 80% เป็นต้น
.
ส่วนธุรกิจโรงแรมในประเทศ คาดว่า เริ่มเห็นการทยอยฟื้นตัวขึ้นหลังจากมีการยกเลิกการใช้ Thailand Pass ไปในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าภาพรวมอัตราการเข้าพักจะดีตามภูมิภาคอื่นๆ เช่นกัน
.
ด้านธุรกิจร้านอาหาร บริษัทฯพยายามปรับยอดขายสาขาเดิม(SSSG) ให้ดียิ่งขึ้นจากการปรับแบรนด์ต่างๆ ให้แข็งแกร่งมากขึ้น , ออกสินค้าใหม่ๆ , มีโปรโมชั่น, และขยายสาขาให้เพิ่มมากขึ้นตรงกับความต้องการลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ
.
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินโดยอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.3 เท่า มีกระแสเงินสดกว่า 26,000 ล้านบาท , มีเครดิตกว่า 32,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีวอแรนต์ 7- 9 ที่จะครบกำหนดในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถเพิ่มเงินเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจอีก 10,000-15,000 ล้านบาท
.
ด้านอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ รับมือโดยการเพิ่มสัดส่วนของหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ให้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยลอยตัว นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ชำระอัตราหนี้ที่ลอยตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้สัดส่วนของหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ดีขึ้น โดยสัดส่วนหนี้ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินยูโรประมาณ 70% มีสัดส่วนดอกเบี้ยคงที่ต่อลอยตัวอยู่ที่ 59:41%
.
ในส่วนของภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนที่สูงขึ้น บริษัทฯ ได้ล็อกราคาสินค้าต่างๆ กับซับพลายเออร์ไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนบางสินค้า หรือเมนูเพื่อให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ด้านต้นทุนแรงงานบริษัทได้ปรับเปลี่ยนแมนนิ่งพาวเวอร์ เพื่อทำให้โครงสร้างต้นทุนแรงงานดีขึ้น ส่วนธุรกิจด้านโรงแรมบริษัทฯ ได้ตรึงราคาที่สูงตั้งแต่ปีก่อน เพื่อสร้างอัตรากำไรให้ดี
***********************************