CPF หุ้นดัง การันตี SET100 กำไรติดปีกโตต่อเนื่อง

       สิ้นสุดฤดูกาลประกาศงบปี 2563 กันไปแล้ว โดยหุ้นในกลุ่ม SET100 หลายบริษัทยังเติบโตมีกำไรได้ต่อเนื่อง 2 ปี หรือ 3 ปีติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง  คงจะหนีไม่พ้นหุ้นค่ายเครือเจริญโภคภัณฑ์อย่าง ซีพีเอฟ เป็นแน่แท้  

    สำหรับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือ ซีพีเอฟ ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์/เลี้ยงสัตว์-แปรรูป/อาหาร (Food) ปี 2560 กำไรอยู่ที่ 15,259 ล้านบาท ปี 2561 กำไรเพิ่ม 15,531 ล้านบาท ปี 62 กำไรขยับไปอีกที่ 18,455 ล้านบาท และปี 2563 กำไรกระโดดไปที่ 26,022 ล้านบาท

     ถ้าเทียบกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 7,566 ล้านบาท หรือ +41.00% กำไรมาจากคุมประสิทธิภาพ-ต้นทุนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิต และช่องทางจำหน่ายสินค้า ส่วนเทียบกำไร 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 อยู่ที่ 15,259 ล้านบาท ล่าสุดปี 2563 อยูที่ 26,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,763 ล้านบาท หรือ +70.53%

     ขณะเดียวกัน รายได้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2563 คือ 523,179 ล้านบาท 567,820 ล้านบาท 553,768 ล้านบาท และ 617,038 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการด้านราคาสิ้นปี 2563 ปิดที่ 26.75 บาท ล่าสุด 5 มี.ค.2564 ปิดที่ 29.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ +8.41%

     CPF มั่นใจผลงานปีนี้โตแกร่ง รับกำลังซื้อ-ส่งออกฟื้น   ปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานสูงสุดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมทั้งการใช้ระบบ AI มาเสริมการทำงานให้มีผลดีที่สุดกว่าในอุตสาหกรรม ทำให้แม้ในภาวะวิกฤตโรคระบาดทั้งโควิด-19 และโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) บริษัทยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ส่องเส้นทางปี 64 มีอะไรรออยู่บ้าง ?

หากมองข้ามไปปี 64 ผลประกอบการของ CPF ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยบวกก็มาจากธุรกิจไก่ และกุ้งที่กลับมาฟื้นตัว ส่วนธุรกิจหมูจะยังทรงตัวในระดับสูง ... นอกจากนี้ยังมีอานิสงส์จากเทสโก้ โลตัสที่เพิ่งซื้อเข้ามา โดย บล.เอเซีย พลัส ประเมินแนวโน้มไว้ดังนี้

ข้อดี

1.ธุรกิจไก่เริ่มกลับมาฟื้น :  ประเมินว่าธุรกิจไก่ในปี 64 จะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดส่งออกไก่ที่จะฟื้นตามคำสั่งซื้อในญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปฟื้นตัว หลังจากที่ชะลอตัวในปี 63 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหลายประเทศล็อกดาวน์ในบางช่วง รวมถึงการได้ลูกค้าใหม่ ในตลาดตะวันออกกลาง

2.ธุรกิจกุ้งฟื้นตัว : CPF จะเน้นการขายกุ้งในประเทศแทนการส่งออกเพื่อลดการแข่งขันกับคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าในประเทศดี และจะเน้นขายอาหารกุ้งและลูกกุ้งเพิ่มขึ้นด้วย

3.ธุรกิจในต่างประเทศดีต่อ : คาดว่า CPF จะรวมธุรกิจฟาร์มสุกรในจีนเสร็จภายในเดือน พ.ย. 63 และเริ่มส่งผลบวกต่อ CPF เต็มที่ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป ปัจจุบันราคาสุกรในจีนยืนระดับสูงที่ 30 หยวน/กก.

4.ดีลเข้าซื้อ Tesco : บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของกลุ่ม CP แต่เบื้องต้นเราคาดว่า CPF จะรับส่วนแบ่งกำไรหลังดีลนี้ ราว 1,492 ล้านบาท ในปี 64 (อ้างอิงผลการดำเนินงานปี 62 ของ Tesco Asia ที่ราว 7,500 ล้านบาท และอนุมานว่า CPF ไม่มีภาระในส่วนของ Finance Cost เพิ่มขึ้น)  ขณะที่ระยะยาว CPF จะมีแหล่งในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ(มาเลเซีย)

ข้อเสีย

แนวโน้มราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น : บล.เอเซีย พลัส ระบุ แนวโน้มราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 64 โดยราคากากถั่วเหลืองโลกล่าสุดอยู่ที่ 387.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน +30% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ CPF มีสต็อกไว้ถึงไตรมาส 1/64 และวัตถุดิบถั่วเหลืองคิดเป็นเพียง 15% ของต้นทุนรวม

      แนวโน้มผลประกอบการในปี 64 ยังดีต่อ และผู้บริหารก็เชื่อว่ากว่าอุปทานหมูจะกลับไปสู่ระดับปกติได้อาจต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี ดังนั้นธุรกิจหมูก็น่าจะผลักดันผลประกอบการไปได้อีกสักพัก และยังมีประเด็นหนุนจากรับรู้ผลประกอบการเทสโก้ โลตัสเข้ามา ทำให้นักวิเคราะห์ราคาเหมาะสมมีอัพไซด์สูงมาก เพียงแต่ว่าตลาดจะเชื่อมั่นและดันราคาหุ้นไปได้แค่ไหนก็ยังต้องจับตาต่อ!

       และคณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท (ได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563) อีกด้วย .... ถือว่า เป็นหุ้นเด็ดประเทศไทย ที่ กำไรสวย รายได้ดี อีกหุ้นหนึ่งเลยทีเดียวเชียว

-------------------------------------------------

 cr.หนังสือผลประกอบการ CPF 2563

efinancethai และ MGR online