เจาะลึก “เถ้าแก่น้อย” หรือ TKN

เจาะลึก “เถ้าแก่น้อย” หรือ TKN ทำอย่างไร ให้ผลประกอบการโตเกินเป้าหมายที่วางไว้

อีกหนึ่งบริษัทในตลาดหุ้นไทย ที่สร้างผลประกอบการได้อย่างน่าประทับใจคงจะหนีไม่พ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN


โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/66 ของ TKN สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับภาพรวมผลประกอบการในรอบ 6 เดือนของปี 66 ที่เติบโตไม่แพ้กัน


สำหรับเรื่องราวรายละเอียดการเติบโตในด้านของผลประกอบการของ TKN ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ จะเป็นอย่างไร และแนวโน้มโอกาสในการเติบโตจะเป็นแบบไหน Wealthy Thai จะพาไปหาคำตอบ 


“เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง” หรือ TKN  รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 ว่ามีรายได้จากการขายรวม 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% ซึ่ง TKN สามารถทำอัตรากำไรสุทธิ อยู่ในระดับ 15% ซึ่งนับเป็นผลงานที่เติบโตต่อเนื่องและแข็งแกร่ง


ขณะที่ ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 2,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% และมีกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 170% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยถือว่าเติบโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้


สำหรับสาเหตุของการเติบโตอย่างแข็งแกร่งนั้น คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ เล่าว่า เป็นเพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ด้วยการเพิ่มแบบการอบเข้ามา ทำให้มีมาร์จิ้นสูงขึ้น


รวมถึงการสร้างยอดขายในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งตลาดที่เติบโตได้ดี คือ จีนที่ยอดขายเทิร์นอะราวด์ กลับมาใกล้เคียงก่อนช่วงโควิด-19 และสหรัฐฯ ที่มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้เจาะตลาด Mainstream


ขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนยอดขายของ TKN ได้เป็นอย่างดี โดยได้กลับมาเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ ในแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ สาขาเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์


อีกทั้งยังได้นำสินค้าเข้าไปขายแบบ Shop in Shop ร่วมกับเดอะมอลล์ สกายพอร์ตภายในสนามบินดอนเมือง รองรับการกลับมาของกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มมากขึ้นโดยพิจารณาจากโลเคชั่น และทำเลเป็นหลัก


นอกจากนี้เอง คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ ยังได้วางกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโตไว้อย่างน่าสนใจ ก็คือ ดำเนินกลยุทธ์ "3GO" อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ "GO Firm" คือการปรับองค์กรให้กระชับ คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 


พร้อมกันนี้ ยังผลักดันกลยุทธ์ "GO Broad" ด้วยการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้นและมีคุณค่า ผ่านการพัฒนาสินค้านวัตกรรมกลุ่มใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามากขึ้น เพื่อไปสู่ "Go Global" คือการขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพ ผลักดันยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง