TISCO กำไร Q2/66 ที่ 1.85 พันลบ. โต 0.29% ตามพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้น
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าไตรมาส 2/66 มีกำไร 1,853.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,848.43 ล้านบาท โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.1% มาจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ 10.1% ตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาส 2 ของปีก่อนหน้า ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้นจาก 1.06% มาเป็น 1.80% สอดคล้องกับสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลง 8.8% จากผลกระทบของธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างมากท่ามกลางความผันผวนรุนแรงของตลาดทุน พร้อมด้วยกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) ที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลง จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ และธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ฟื้นตัวช้า จากปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ชะลอตัวลงในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ดี รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนสามารถฟื้นตัวได้ดีตามการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 12.2% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแผนการเติบโตในระยะยาวของบริษัท ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง 54.9% และอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากบริษัทมีระดับเงินสำรองเพียงพอต่อความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ในไตรมาส 2/66 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 3,419.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 313.00 ล้านบาท (ร้อยละ 10.1) จากไตรมาส 2/65 โดยรายได้ดอกเบี้ยมีจำนวน 4,397.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 780.97 ล้านบาท (ร้อยละ 21.6) ตามการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยมีจำนวน 977.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 467.97 ล้านบาท (ร้อยละ 91.8) จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นตามการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 1,323.63 ล้านบาท ลดลงจำนวน 128.04 ล้านบาท หรือ 8.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากชะลอตัวของธุรกิจหลักทรัพย์ท่ามกลางสภาวะตลาดทุนผันผวน ประกอบกับผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) ที่อ่อนตัวลง เมื่อเทียบกับกำไรในไตรมาส 2 ปี 2565