"ทีโอที" นับหนึ่งหาพันธมิตรคลื่น 2300 MHz เปิดกว้างรับข้อเสนอ คาดไม่เกินมีนาคมรู้ผล ใครชนะได้สิทธิ์ใช้คลื่นนานถึงปี 2568 มั่นใจช่วยปั๊มรายได้ ด้านค่ายมือถือขานรับถ้วนหน้า "ดีแทค" หวังเฉลี่ยความเสี่ยงสัมปทานใกล้หมดอายุ ส่วน "เอไอเอส-ทรู" รอลุ้นรายละเอียดโครงการ
นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะทยอยเชิญผู้เกี่ยวข้องในวงการโทรคมนาคม ทั้งบรรดาโอเปอเรเตอร์และเวนเดอร์ รวมถึงผู้สนใจรายใหม่ที่จะเข้ามาเป็นคู่ค้ากับทีโอทีให้เข้ามารับฟังรายละเอียดในโครงการขยายโครงข่าย และให้บริการบรอดแบนด์บนคลื่น 2300 MHz ด้วยเทคโนโลยี LTE ที่ทีโอทีได้สิทธิ์ถือครองอยู่ 60 MHz ก่อนที่จะเปิดให้ผู้สนใจเข้ามารับซองรายละเอียดและเงื่อนไขทางเทคนิค (TOR) จากทีโอที ราวต้นเดือน ก.พ.นี้ เพื่อให้แต่ละบริษัทได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับแผนธุรกิจ รายละเอียดการขยายโครงข่ายและผลตอบแทนที่จะให้กับทีโอที คาดว่าภายในเดือน มี.ค.นี้จะคัดเลือกบริษัทที่เหมาะสมได้
โดยในหลักการ โครงการนี้เมื่อทีโอทีและบริษัทที่ปรึกษาคัดเลือกผู้เสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุดได้แล้ว ทีโอทีจะเริ่มขยายโครงข่ายด้วยการเช่าอุปกรณ์จากพันธมิตร และมีรายได้จากการนำความจุของโครงข่ายมาขายต่อให้คู่ค้า รวมถึง MVNO (ขายส่งขายต่อบริการ) นำความจุโครงข่ายไปให้บริการ 4G/LTE กับลูกค้าย่อย ทั้งจะนำความจุโครงข่ายไปให้บริการเองด้วย
"คู่ค้าต้องขยายโครงข่าย 4G/LTE สำหรับรองรับทั้งอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สายแบบประจำที่ (Fixed Wireless Broadband) และโมบายบรอดแบนด์ บนย่าน 2300 MHz เต็มทั้ง 60 MHz ตามแผนธุรกิจ ทีโอทีจะนำความจุไปให้บริการโมบาย 20% Fixed Wireless Broadband 20% อีก 60% แบ่งเป็นโมบายให้คู่ค้า ซึ่งคู่ค้าในโครงการนี้ไม่จำกัดเฉพาะค่ายมือถือเดิม แต่เปิดให้ทั้งโอเปอเรเตอร์ เวนเดอร์ และผู้สนใจรายใหม่ด้วย"
ตั้งเป้าโครงข่าย 80% ใน 2 ปี
โดยโครงข่ายที่สร้างขึ้นรองรับได้ราว 10-19 ล้านเลขหมาย แปรผันตามปริมาณความจุและความเร็วของบรอดแบนด์ที่จะนำไปให้บริการลูกค้าแต่ละราย ซึ่งขั้นต่ำต้องขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม 80% ของประชากร ในปี 2563 แต่หากผู้ประกอบการรายใดยื่นข้อเสนอดีกว่าก็เป็นแต้มต่อในการพิจารณา ส่วนการคัดเลือก MVNO ในการนำความจุไปทำตลาด คาดว่าเริ่มเปิดให้เข้ามาเจรจาได้ในไตรมาส 2 ปีนี้ หลังโครงข่ายหลักพร้อมให้บริการ
"ในส่วนของ MVNO ทีโอทีเปิดกว้างให้ผู้ที่มีใบอนุญาตจาก กสทช.มาคุยได้เลย จะมาแบบใช้ระบบบิลลิ่ง ระบบแบ็กออฟฟิศของทีโอทีทั้งหมด หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่จะมีการทำสัญญาที่ปิดจุดอ่อนที่ทีโอทีเคยมีปัญหากับ MVNO รายเดิมบนคลื่น 2100 MHz มาก่อน อาทิ เงื่อนไขเกี่ยวกับการชำระเงิน การขยายตลาด แต่โดยหลักแล้ว MVNO ในไทยค่อนข้างมีข้อจำกัดในการทำตลาด ฐานลูกค้าอยู่ในราว 5 แสน-1 ล้านเท่านั้น"
มั่นใจผลตอบแทน 2 ดิจิต
แม้โครงการนี้จะมีข้อจำกัดเรื่องเงื่อนไขการใช้คลื่นความถี่ที่ กสทช.คงไว้ที่ปี 2568 เว้นแต่จะมีหลักฐานใหม่ที่นำมาประกอบการพิจารณาขยายเวลาได้ ทำให้มีเวลาดำเนินการ 8 ปีครึ่ง แต่เชื่อว่าคลื่น 2300 MHz ยังน่าสนใจ และนำคลื่นย่านอื่นมาใช้ร่วมกันได้ในอนาคต โดยเฉพาะคลื่น 2600 MHz ซึ่งทีโอทีก็สนใจหาทางนำคลื่นย่านดังกล่าวมาใช้เช่นกัน
"ทีโอทีพยายามเป็นอินฟราสตรักเจอร์เน็ตเวิร์กโพรวายเดอร์ เน้นสร้างและพัฒนาธุรกิจระยะยาวเพื่อให้เป็นธุรกิจดาวรุ่งสร้างรายได้ใหม่ให้องค์กร ขณะที่ผลตอบแทนของโครงการนี้เมื่อหักกลบระหว่างค่าเช่าที่ทีโอทีต้องจ่ายกับส่วนรายได้ที่ทีโอทีจะได้รับแล้ว คาดว่าอยู่ในระดับ 2 ดิจิต"
โดยปีนี้คาดว่ารายได้เริ่มเข้ามาในครึ่งปีหลัง ราว 700-800 ล้านบาท แต่จะเป็นพื้นฐานสำหรับรายได้ในปีถัด ๆ ไป
ค่ายมือถือเดิมรุมชิงเค้ก
แหล่งข่าวจาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้รับการติดต่อจากทีโอทีให้เข้าไปฟังเงื่อนไขโครงการนี้แล้ว ซึ่งเอไอเอสแม้จะมีทั้งคลื่น 900 MHz 1800 MHz และ 2100 MHz แต่ก็ยังสนใจคลื่น 2300 MHz ที่จะนำมาให้บริการโมบายบรอดแบนด์ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการที่ดีขึ้นไปอีก
"คลื่นย่านนี้รองรับการใช้โมบายบรอดแบนด์ในสปีดที่สูงขึ้นจึงเข้าไปแซมโครงข่ายเดิมในเมืองที่มีอยู่แล้ว รองรับการใช้งานที่หนาแน่นได้ แต่ก็ต้องพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทีโอทีต้องการก่อน ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด และจะเป็นการชี้แจงรายบริษัท ซึ่งต้องประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนหลายด้าน ทั้งผลตอบแทนที่ทีโอทีต้องการ เงินลงทุนโครงข่าย เนื่องจากคลื่นย่านนี้ต้องลงเสาถี่กว่าย่านเดิม และต้องประเมินด้วยว่า แฮนด์เซตที่ลูกค้าจะใช้ได้มีมากน้อยแค่ไหน ในเบื้องต้นทราบว่า โมเดลท็อป ๆ ของแบรนด์ชั้นนำรองรับคลื่นย่านนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้สำรวจชัดเจนว่า ลูกค้าเอไอเอสพร้อมใช้งานมากน้อยแค่ไหน"
แหล่งข่าวจาก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า กลุ่มทรูยังสนใจคลื่นย่าน 2300 MHz แม้มีคลื่นในมือมากอยู่แล้ว แต่จะนำไปใช้ในส่วนใดหรือมีความเป็นไปได้แค่ไหน ต้องรอพิจารณาเงื่อนไขจากทีโอทีอย่างละเอียดก่อน
ดีแทคหวังลดเสี่ยงสัมปทาน
แหล่งข่าวจาก บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า เพื่อประกันความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่า ดีแทคและเทเลนอร์ยังลงทุนในไทยแน่นอน ทำให้การเจรจาเป็นพันธมิตรกับทีโอที บนคลื่น 2300 MHz มีความสำคัญ แม้สิทธิ์ในการใช้คลื่นจะมีถึงแค่ปี 2568 แต่ถือว่าคุ้มค่าในการลงทุน เพราะอุปกรณ์ส่วนใหญ่นำไปใช้กับคลื่นย่านอื่นได้ ทั้งเมื่อคลื่น 2300 MHz สิ้นสุดสิทธิ์การใช้งานแล้ว กสทช.ต้องนำคลื่นไปประมูล ซึ่งดีแทคมีโอกาสเข้าไปประมูลแข่งเพื่อได้สิทธิ์ใช้งานต่อ และมีแต้มต่อทันทีหากชนะประมูล เนื่องจากมีโครงข่ายพร้อมเปิดให้บริการทันที
"ปัญหาเดียวของโครงการนี้คือ การดีเลย์ที่มักเกิดเสมอกับรัฐวิสาหกิจ ปัจจุบันก็ถือว่าดีเลย์ไปพอสมควร เดิมทีโอทีตั้งใจเซ็นสัญญาให้ได้ปลายปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าทุกอย่างจบได้ในปีนี้ เพราะเป็นดีลที่ดีกับทุกฝ่าย"