P/BV Ratio ใครซื้อถูกกว่ากัน ระหว่างฉันกับเจ้าของ

ถ้า P/E Ratio บอกว่านักลงทุนซื้อหุ้นแล้วจะคืนทุนกี่ปี  P/BV Ratio จะบอกว่านักลงทุนซื้อหุ้นถูกหรือซื้อแพงกว่าเจ้าของเท่าไหร่

P/BV Ratio เป็นการคำนวณโดยใช้ “ราคาหุ้นหารด้วยราคาหุ้นตามบัญชี” ซึ่งราคาหุ้นหาได้ไม่ยาก แต่ตัวแปรที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ “มูลค่าหุ้นตามบัญชี” ซึ่งดูชื่อก็รู้สึกตะหงิดๆ และนักลงทุนบางคนอาจคิดว่า “ตายๆ ตามบัญชี ปวดหัวแน่ๆ” แต่เอาเข้าจริงแล้วมูลค่าหุ้นตามบัญชีไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นซับซ้อนเลย

วิธีหา “มูลค่าหุ้นตามบัญชี” ให้ได้นั้น นักลงทุนต้องรู้จักส่วนประกอบของงบดุลก่อน

งบดุล ประกอบด้วย สินทรัพย์ หนื้สิน และส่วนของเจ้าของ (ส่วนของทุน) โดยมูลค่าหุ้นตามบัญชีจริงๆ ก็คือ ส่วนของเจ้าของ + กำไรสะสม และคิดเป็นต่อหุ้น

เพื่อที่จะหาว่าส่วนของทุนหรือส่วนของเจ้าของที่มีอยู่ตอนนี้ คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น หุ้นละกี่บาท โดยตัวเลขนี้จะเป็นตัวที่เอามาหารกับราคาหุ้นตามสูตรการคำนวณ P/BV Ratio คือ ราคาหุ้นหารด้วยราคาหุ้นตามบัญชี

ตัวอย่างที่ 1 : ราคาหุ้นเท่ากับ 10 บาท และมูลค่าหุ้นตามบัญชีคือ 8 บาท ค่า P/BV Ratio ที่ได้ออกมาจึงเท่ากับ 1.25 เท่า ซึ่งความหมายจริงๆ ก็คือ ถ้าเจ้าของมีหุ้นมูลค่า 1 บาทต่อหุ้น วันนี้นักลงทุนจะซื้อหุ้นตัวนี้แพงกว่าเจ้าของ 25 สตางค์

ตัวอย่างที่ 2 : ราคาหุ้น 10 บาท เช่นเดียวกัน แต่หุ้นตัวนี้มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 12 บาทต่อหุ้น ค่า P/BV Ratio เท่ากับ 0.83 เท่า แปลว่าถ้าเจ้าของมีหุ้นมูลค่า 1 บาทต่อหุ้น วันนี้นักลงทุนจะซื้อหุ้นตัวนี้ถูกกว่าเจ้าของ 17 สตางค์

ถึงตรงนี้คุณจะเห็นว่าการดูอัตราส่วน P/BV Ratio นั้นก็มีส่วนคล้ายกับ P/E Ratio คือ เลือกที่ถูกน่าจะดีกว่า เพราะหมายถึงหุ้นนั้นมีมูลค่าถูกกว่า เมื่อนำไปใช้ก็สามารถใช้เปรียบเทียบกับตลาด เทียบกับอุตสาหกรรม เทียบกับคู่แข่ง หรือเทียบกับ P/BV Ratio ในอดีตของหุ้นตัวนั้นๆ ได้เช่นกัน

ข้อสังเกตสำคัญ

1. อย่ามองข้ามหุ้น P/BV Ratio สูงๆ เพราะว่าการบันทึกมูลค่าตามบัญชีนั้น ทรัพย์สินบางอย่างก็ไม่สามารถืตีค่าเป็นตัวเลขแล้วเอาไปใส่ในงบได้ ทำให้ทรัพย์สินใดที่มีลักษณะแบบนี้ก็จะไม่มีการบันทึกลงในงบการเงิน เช่น ความน่าเชื่อถือของตราสินค้า ยี่ห้อของบริษัท ความเก่งกาจของผู้บริหาร พนักงาน ซึ่งถ้าบริษัทไหนที่มีทรัพย์สินประเภทนี้เยอะๆ มูลค่าตามบัญชีก็จะต่ำ และอาจส่งผลให้ P/BV Ratio สูง และแน่นอน ถ้านักลงทุนเลือกหุ้นโดยเลือกจากแค่มี P/BV Ratio ต่ำและมองข้ามหุ้นที่มี P/BV Ratio สูงๆ ไม่แน่ว่าอาจกำลังมองข้ามโอกาสดีในการลงทุนก็ได้

2. อย่าเลือกแต่หุ้น P/BV Ratio ต่ำๆ เป็นธรรมดาของนักลงทุนที่เมื่อเห็นของที่มี “มูลค่าต่ำๆ” แล้ววิ่งเข้าหา แต่ในบางกรณี P/BV Ratio ต่ำๆ อาจจะต่ำด้วยธรรมชาติของอุตสาหกรรมที่มักจะไม่ได้ซื้อขายกันที่ P/BV Ratio สูงๆ ก็ได้ หรือหุ้นตัวนั้นอาจไม่ดีจริงจนถึงขั้นที่นักลงทุนให้ค่าน้อยมาก ทำให้ P/BV Ratio ต่ำมาก แต่การที่นักลงทุนจะรู้ว่า P/BV Ratio ที่ควรจะเป็นมีค่าเท่าไหร่นั้น ก็ต้องดูอัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นร่วมด้วย

3. หุ้นขึ้นลงด้วยกำไรไม่ใช่มูลค่าตามบัญชี P/BV Ratio เหมาะแก่การใช้วิเคราะห์ความถูกแพงเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าน่าซื้อ น่าขาย ดีหรือไม่ดี เพราะ P/BV Ratio คำนึงถึงมูลค่าหุ้นตามบัญชีเป็นหลัก ซึ่งในความเป็นจริง เวลาหุ้นขึ้นหรือลงไม่ได้ขึ้นลงตามมูลค่าตามบัญชี แต่ขึ้นลงด้วยกำไร ถ้าบริษัททำธุรกิจเก่ง มีกำไรเพิ่มขึ้น หุ้นก็ต้องขึ้นแน่นอน แม้ว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีจะลดลงก็ตาม