จากวัฏจักรตลาดหุ้นไทย และสาเหตุดังนี้ คือ :
1) วันที่ 26 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2551 = 380 จุด ( วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ )
2 วันที่ 24 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2556 = 1,649 จุด ( นโยบาย QE ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาและธนาคารกลางทั่วโลก )
3) วันที่ 7 มกราคม ปี พ.ศ 2559 = 1,219 จุด ( เศรษฐกิจจีนเริ่มตกตํ่า ทําให้สินค้าโภคภัณฑ์ตกตํ่า )
4) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 25ุ61 = 1,852 จุด ( เป็น All Time High และกองทุนในประเทศไทยซื้อหุ้นไทยเพราะประชาชนชาวไทยเริ่มนิยมฝากเงินกับกองทุนจากแต่ก่อนนิยมฝากเงินกับธนาคาร ประจวบกับรัฐบาลไทยให้ผลประโยชน์ในรูปการลดหย่อนภาษีสําหรับประชาชนชาวไทยที่ฝากเงินใน RMF และ LTF โดยซื้อสวนกับทิศทางการขายของนักลงทุนต่างชาติจํานวน 607,964 ล้าน บาท ตั้งแต่ปี พ.ศ 2556 จนถึงวันที่ 23 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 )
5) วันที่ 27 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 = 1,546 จุด ( เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปถึง 4 ครั้ง ในปี พ.ศ 2561 )
6) วันที่ 11 กรกฎาคม ปี พ.ศ 25ุ62 = 1,748 จุด ( นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย )
7) วันที่ 15 สิงหาคม ปี พ.ศ 25ุ62 = 1,590 จุด ( สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน )
8) วันที่ 23 สิงหาคม ปี พ.ศ 25ุ62 = 1,646 จุด ( สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและโลกเข้าสู่สภาวะถดถอยอันเนื่องมาจาก เหตุการณ์ Inverted Yield Curve )
9) วันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป : ปรับตัวขึ้นไปทํา All Time High ใหม่เกิน 1,852 จุด แล้วปรับตัวลงมาตํ่ากว่า 1,219 จุด ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดในรอบที่แล้วในช่วงปลายปี พ.ศ 2564 ??? ( ฟองสบู่โลกแตก ) หรือ ปรับตัวลงมาที่ตํากว่า 1,219 จุด ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดในรอบที่แล้วในช่วงปลายปี พ.ศ 2564 เลย ??? ( ฟองสบู่โลกแตก )
หลังจากนั้น เพียงแต่ท่านรู้ว่า " ทรัมป์จะปั่นหรือทุบหุ้น " รับรองท่านจะรวยไม่รู้เรื่อง! ดังนี้ คือ :
เพราะถ้าท่านรู้ว่า " ทรัมป์จะปั่นหุ้น " ท่านก็เพียงแต่เข้าไปเปิดสถานะ Long Set 50 Derivatives และในทางตรงกันข้าม ถ้าท่านรู้ว่า " ทรัมป์จะทุบหุ้น " ท่านก็เพียงแต่เข้าไปเปิดสถานะ Short Set 50 Derivatives
หลังจากนั้น ท่านก็เพียงแต่ถือเพื่อ Let Profit Runในการ Hold Long หรือ Short Set 50 Derivatives โดยดูการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติดังนี้ คือ :
1) ถ้านักลงทุนต่างชาติซื้อ ท่านก็เพียงแต่ Let Profit Run โดยการ Hold Long Set 50 Derivatives และ
2) ถ้านักลงทุนต่างชาติขาย ท่านก็เพียงแต่ Let Profit Run โดยการ Hold Short Set 50 Derivatives
ส่วนการวางแผนการ Long หรือ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวนั้น ท่านก็เพียงแต่สังเกตุว่าสภาวะตลาดอยู่ในสภาวะใหนโดย :
1) สภาวะตลาดจะอยู่ในสภาวะกระทิงเมื่อ Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่เพราะเงินลงทุนจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้น และ
2) สภาวะตลาดจะอยู่ในสภาวะหมีเมื่อ Fed Fund Rate เป็นขาลงรอบใหญ่เพราะเงินลงทุนจะไหลออกจากตลาดหุ้นไปยังตลาดตราสารหนี้
ส่วนกําไรจากการลงทุนตามแนวทางข้างต้นเป็นดังนี้ คือ :
กําไร ปี พ.ศ 2562 = +231.80% ( วันที่ 26 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 )
1) S50Z19 ทําจุดตํ่าสุดที่ 1,058.0 จุด ในวันนี้ วันที่ 26 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562
2) กําไร/ขาดทุน = ( 1,066.0 - 1,058.0 - 0.93 ( Commission Fee and VAT )) x 200 / 8,550 = +16.54%
3) Automatic All Time Stop Loss >= 1,174.0 จุด
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.tfex.co.th )
4) ผลตอบแทนของกองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUNAG-A-NUNT HEDGE FUND ) เป็นดังนี้ คือ :
4.1) ปี พ.ศ 2561 = +19.30%
4.2) ปี พ.ศ 2562 = ( + 11.27% + 44.98% + 4.99% - 10.88%+151.31 -23.01% - 23.01%+34.88%+24.73% +16.54% )
4.3) กําไรสะสมรวม = +19.30% +231.80% = +251.10%