OR : คาดมีแรงหนุนจากกำไรสต็อกน้ำมัน
คาดกำไรไตรมาส 3/2566 จะฟื้นตัว เราคาดว่า OR จะรายงานกำไรสุทธิที่ 3.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 460% YoY และ 43% QoQ กำไรที่เพิ่มขึ้นมาจาก
1) อัตรากำไรน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรจากสต็อกน้ำมัน
2) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหลังเงินบาทอ่อนค่าลง ทั้งนี้
…จากอัตรากำไรน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่าอัตรากำไรน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.24 บาท/ลิตร เป็น 1.20 บาท/ลิตร ในไตรมาส 3/2566 จาก 0.96 บาท/ลิตร ในไตรมาส 2/2566 และ 0.68 บาท/ลิตร ในไตรมาส 3/2565 อัตรากำไรน้ำมันที่ปรับขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น 12% หรือ 9 ดอลล่าร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ในไตรมาสดังกล่าว ขณะเดียวกัน เราคาดว่าปริมาณการขายน้ำมันไตรมาส 3/2566 ของ OR จะอยู่ที่ 6,767 ล้านลิตร ลดลง 2% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 8% YoY จากปัจจัยตามฤดูกาลและความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้น สำหรับธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เนื่องจากเราคาดว่าปริมาณการขายของร้านคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) จะลดลง 1% QoQ เป็น 92 ล้านแก้วในไตรมาส 3/2566 เราจึงคาดว่า EBITDA margin ของกลุ่มไลฟ์สไตล์จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 24%-25% ลดลง 2 ppts QoQ
คาดกำไรไตรมาส 4/2566 จะลดลงเล็กน้อย เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 จะลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY เราคาดว่าอัตรากำไรน้ำมันของ OR จะทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อยตามกำไรจากสต็อกน้ำมันที่ลดลง แม้ว่าสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะรายงานค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกโดยรวมที่ดีขึ้น 0.15 บาท/ลิตร เป็น 2.55 บาท/ลิตร ในเดือน ต.ค. ก็ตาม ขณะเดียวกัน ปริมาณการขายน้ำมันมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกจากปัจจัยตามฤดูกาลในไตรมาส 4/2566 อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ของ OR จะเพิ่มขึ้น QoQ จากค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนลดให้ตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม และอื่นๆ
ผลกระทบจากราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ที่ลดลง อยู่ในกรอบจำกัด หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาท/ลิตร เป็นเวลา 3 เดือน โดยการลดภาษีสรรพสามิต เราคาดว่านโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อ OR เพียงเล็กน้อย อีกทั้งเราเห็นความแตกต่างของราคาน้ำมันดีเซล 10 ppm. เทียบกับ 500 ppm ขยับขึ้นอีก 2 ดอลล่าร์ฯ/บาร์เรล QoQ ในไตรมาส 4/2566 ซึ่งหมายความว่าค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้นอีก 0.2 บาท/ลิตร QoQ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกของ สนพ.
แนะนำ “ถือ” และ TP ที่ 19.60 บาท ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบข้อบังคับถือเป็นอุปสรรคสำคัญ เนื่องจากการลดราคาพลังงานเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียงของรัฐบาล นอกจากนี้ รมว.กระทรวงพลังงานยังระบุว่ารัฐบาลมีแผนที่จะกำหนดเพดานค่าการตลาดไว้ที่ 2.00 บาท/ลิตร ซึ่งต้องมีการเจรจาเพิ่มเติมระหว่างผู้ประกอบการและภาครัฐ ขณะเดียวกัน upside ต่อราคาเป้าหมายที่จำกัด
