เมื่อ ‘เอลนีโญ’ มาเยือน สะเทือนคนรักกาแฟ
สภาพอากาศเลวร้ายที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังมาเยือน สร้างความกังวลว่าเมล็ดกาแฟโรบัสตาในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างเวียดนาม และอินโดนีเซียอาจได้รับผลกระทบหนัก จนทำให้ราคากาแฟพุ่ง
Key Points:
- เอลนีโญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย และอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟ
- ผลผลิตกาแฟโรบัสตาอาจลดลง 10% เหลือ 11.2 ล้านกระสอบในรอบการเก็บเกี่ยวครั้งถัดไป
- โรบัสตาจะขาดดุล 4.16 ล้านกระสอบในช่วงเดือนต.ค. 2566 จนถึงเดือนก.ย. 2567
หน่วยวิจัยบีเอ็มไอของฟิตช์ โซลูชัน ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ว่า การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญในไตรมาส 2 ของปี 2566 สร้างความกังวลว่า ผลผลิตกาแฟในเวียดนาม และอินโดนีเซียอาจลดลง
รายงานระบุว่า กาแฟโรบัสตาของบราซิลได้รับผลกระทบเชิงลบจากความแห้งแล้งเช่นกัน นั่นหมายความว่า ต้นทุนกาแฟสำเร็จรูปและกาแฟเอสเปรสโซที่มักใช้เมล็ดกาแฟโรบัสตา อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ทั้งกลางความกังวลด้านอุปทานและอุปสงค์ที่มากกว่าปกติ เนื่องจากผู้บริโภคหันไปใช้กาแฟราคาถูกทดแทนเมล็ดกาแฟอาราบิกา
องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า เวียดนาม อินโดนีเซีย และบราซิลเป็นผู้ผลิตกาแฟโรบัสตารายใหญ่ที่สุด
เอลนีโญภัยร้ายกาแฟโรบัสตา
เอลนีโญ คือ ปรากฏการณ์ที่ทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลาง และตะวันออกเกิดอากาศร้อน และแห้งแล้งมากกว่าปกติ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ คาดว่า เอนีโญปีนี้อาจเกิดขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง 2566
รายงานบีเอ็มไอ เผยว่า เอลนีโญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยและอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟ
“คาร์ลอส เมรา” หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดสินค้าเกษตรจากราโบแบงก์ คาดว่า ผลผลิตกาแฟโรบัสตาอาจลดลง 10% เหลือ 11.2 ล้านกระสอบในรอบการเก็บเกี่ยวครั้งถัดไป
ในปี 2559 ปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้ขาดแคลนน้ำทั้งในเวียดนามและอินโดนีเซีย เคยทำให้ผลผลิตกาแฟโรบัสตาทั่วโลกลดลงเกือบ 10%
“ชอว์น แฮกเก็ตต์” ประธานแฮกเก็ตต์ ไฟแนนเชียล แอดไวเซอร์ บริษัทนายหน้าซื้อขายสินค้า ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีว่า “ปกติแล้ว ถ้าปีใดเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจทำให้ผลผลิตกาแฟโรบัสตาลดลง 20% ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเวียดนามและอินโดนีเซีย แต่นั่นคือ ผลผลิตโรบัสตาที่หดตัวค่อนข้างรุนแรง”
ดีมานด์กาแฟโรบัสตาเพิ่ม ราคาพุ่ง
เมล็ดกาแฟโรบัสตาคิดเป็น 40% ของผลผลิตกาแฟทั่วโลก ส่วนกาแฟอาราบิกามีสัดส่วน 60% ของผลผลิตกาแฟทั่วโลก ซึ่งกาแฟอาราบิกา ถือว่ามีคุณภาพมากกว่า และราคาสูงกว่ากาแฟโรบัสตา
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันทางเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ความต้องการกาแฟโรบัสตาเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากผู้ผลิตสินค้ากาแฟและลูกค้าที่ทดแทนกาแฟอาราบิกาด้วยกาแฟโรบัสตาที่ราคาถูกกว่า เพื่อประหยัดต้นทุนในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งสูง
ข้อมูลจาก Intercontinental Exchange ระบุว่า ราคากาแฟโรบัสตาพุ่งสูงขึ้นเป็น 2,783 ดอลลาร์/ตัน ในรอบ 15 ปี เมื่อสิ้นเดือนพ.ค. สำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนก.ค. อยู่ที่ 2,608 ดอลลาร์/ตัน
ขณะที่ราคาเมล็ดกาแฟอาราบิกาพรีเมียมดิ่งแซงหน้าเมล็ดกาแฟโรบัสตาถึงระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากเกิดความต้องการทดแทนด้วยกาแฟชนิดอื่นที่ราคาถูกกว่า
แฮกเก็ตต์ บอกว่า เอเชียชอบโรบัสตามากกว่าอาราบิกา ความต้องการกาแฟโรบัสตาจึงเพิ่มขึ้นเร็วกว่าความต้องการกาแฟอาราบิกา
“นาตาเลีย กันดอลฟี” นักวิเคราะห์จาก HedgePoint Global Markets’ Intelligence เผยว่า เอเชียไม่ใช่ภูมิภาคเดียวที่ชื่นชอบกาแฟโรบัสตามากขึ้น แต่ได้รับความนิยมในทวีปยุโรปเพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากมีราคาถูกกว่า และคาดว่า กาแฟโรบัสตาจะขาดดุล 4.16 ล้านกระสอบในช่วงเดือนต.ค.2566 จนถึงเดือนก.ย.2567