ที่มา : efinancethai.com/
"ปตท." ทุ่มงบลงทุน 5 ปี (61-65) ทะลุ 3 แสนล้านบาท รองรับโอกาสลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน EEC-ธุรกิจใหม่ พร้อมเปิดแผนขยายสัดส่วน non-oil ตั้งเป้าเปิดสาขาอเมซอนแตะ 2,900 แห่งในปีหน้า ส่วนปีนี้มั่นใจกำไรทะลุ 1 แสนล้านบาท ไตร
มาสสุดท้ายบันทึกกำไรขาย SPRC และมีกำไรสต็อกน้ำมัน
*** คาดงบลงทุน 5 ปี (61-65) ทะลุ 3 แสนลบ.ใช้รองรับ EEC-ธุรกิจใหม่
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร ผู้จัดการฝ่ายลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทำแผนธุรกิจ 5 ปี (61-65) คาดว่าเสร็จในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคมนี้ เบื้องต้นคาดงบลงทุน 5 ปี จะสูงกว่าปกติที่อยู่ปีละ
กว่า 3 แสนล้านบาท เพราะบริษัทมองหาโอกาสลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และลงทุนธุรกิจใหม่ สร้าง S Curve ใหม่ เช่น ธุรกิจดิจิทัลอินโนเวชั่น
บริษัทมีแผนไปโรดโชว์ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในสัปดาห์หน้าที่ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุน โดยในวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ย.นี้ จะเดินทางไปโรดโชว์ออสเตรเลีย ร่วมกับตลท.ซึ่งมี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP
ไปให้ข้อมูลด้วย หลังจากเสร็จแล้วไปโรดโชว์ต่อที่สิงคโปร์ซึ่งจะมี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เข้ามาร่วมโรดโชว์ด้วย
*** เปิดแผนขยายสัดส่วน non-oil ตั้งเป้าเปิดสาขาอเมซอนแตะ 2,900 แห่งในปีหน้า
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นในส่วนของ Non Oil โต 18-20% และเป็น 30-35%
ภายใน 5 ปี จากแผนขยายการลงทุนในธุรกิจ Community Mall มากขึ้น เพื่อเน้นให้บริการครบวงจร และคาด EBITDA จะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท จากปี 2559 ส่วน EBIT คาดอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท
มั่นใจปี 61 รายได้จากร้านกาแฟอเมซอนจะเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ทำได้ 180 ล้านแก้ว จากกลยุทธ์แผนขยายสาขาอเมซอนทั้งในและต่างประเทศ โดยปีหน้าตั้งเป้าขยายสาขาอเมซอนในอาเซียน 120 สาขาทั้งในปั๊มน้ำมัน และ Stand alone จากปีนี้มี 130
สาขา รวมปีหน้ามี 250 สาขา และตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 500 สาขาภายใน 5 ปี
แผนขยายสาขาในประเทศปี 61 ตั้งเป้าไว้ 300 สาขา รวมสาขาในประเทศทั้งสิ้น 2,199 สาขา และเพิ่มเป็น 2,900 สาขา ภายใน 5 ปี
“ปีหน้ายังมีแผนขยายสาขาไปในประเทศโอมาน มาเลเซีย จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ในฟิลิปปินส์ ลาว เมียนมา และญี่ปุ่น อีกทั้งเตรียมร่วมกับเซ็นทรัลเปิดสาขาอเมซอนในห้างห้างเซ็นทรัลที่ประเทศมาเลเซีย” นางสาวจิราพร กล่าว
*** ลั่นปีนี้กำไรทะลุ 1 แสนลบ.คาด Q4/60 มีกำไรสต็อกน้ำมัน
บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้จะทำได้เกิน 1 แสนล้านบาท เนื่องจาก 9 เดือนมีกำไรสุทธิแล้ว 9.98 หมื่นล้านบาท และ ไตรมาส4/60 คาดมีกำไรจากสต็อกน้ำมันมากกว่าไตรมาส 3/60 เพราะราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ขณะนี้มาอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ซึ่ง 9 เดือน เฉลี่ยอยู่ที่ 51.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงไตรมาส 4/60 จะไม่มีการตั้งสำรองด้อยค่าทรัพย์สินของ PTTEP อีกเหมือนไตรมาส 3/60
*** มองปี 61 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 52-57 เหรียญฯ/บาร์เรล สูงกว่าปีนี้ที่ 51-52 เหรียญฯ/บาร์เรล
บริษัทคาดปีนี้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 51-52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าปี 61 ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
*** PTT ขายหุ้น SPRC ที่ถือทั้งหมด 5.41% รับเงินกว่า 3.7 พันลบ.
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 บริษัทได้จำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ที่ ปตท. ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 234,562,369 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.41 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ
SPRC รวมเป็นมูลค่าการจำหน่ายทั้งสิ้น 3,706,085,430.20 บาท ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่คณะกรรมการบริษัทนัดพิเศษครั้งที่ 4/2558 เมื่อวันที่ 9 พ.ย.58 มีมติอนุมัติให้ PTT จำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ที่ PTT ถืออยู่ในการกระจายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ของ SPRC ไม่ต่ำกว่า
30% ของจำนวนหุ้น SPRC ทั้งหมด โดยภายหลังจากการเสนอขายหุ้น SPRC ต่อประชาชน สัดส่วนการถือหุ้นของ PTT ใน SPRC ลดลงจาก 36% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด เหลือ 5.41%
*** บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะ"ซื้อ"ให้เป้า 477 บ.ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันปรับขึ้น-ลงทุน LNG Terminal สร้างการเติบโตด้วยความเสี่ยงต่ำ
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 477 บาท มีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้ และยังเชื่อว่า PTT เป็นหุ้นพลังงานที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันอย่างช้าๆ การลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง
LNG Terminal จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว ด้วยความเสี่ยงต่ำ
ผู้บริหารคาดราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2561 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 เหรียญต่อตัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2560 และมากกว่าสมมติฐานของเราที่ 53 เหรียญต่อบาร์เรลเล็กน้อย ค่าการกลั่นปี 2561 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปี 2560 ที่ได้
ประโยชน์ทั้งจากการหยุดนอกแผนของโรงกลั่นขนาดใหญ่และผลจากเฮอร์ริเคน Harvey ส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์คาดอ่อนตัวลงจากกำลังการผลิตใหม่ และต้นทุนที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ แต่ราคา HDPE ที่เป็นใช้กำหนดมาร์จิ้นของ PTTGC ค่อน
ข้างทรงตัว เราเห็นด้วยกับมุมมองของ PTT และเชื่อว่าประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันจะหมุนกลับไปสู่ผู้ผลิตขั้นต้น จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่อยู่กับผู้ผลิตขั้นปลาย
ผลตอบแทนจากการลงทุนใน LNG Terminal ประเมินจากเงินลงทุนที่ใช้ไป โดยความต้องการใช้ LNG จะเป็นตัวกำหนดค่าบริการของ LNG Terminal หากความต้องการใช้สูงค่าบริการต่อหน่วยจะต่ำลง ขณะที่ PTT ได้รับผลตอบแทนค่อน
ข้างคงที่ กำลังการรับ LNG ปัจจุบันอยู่ที่ 10 ล้านตันต่อปี และอยู่ระหว่างก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเป็น 11.5 ล้านตัน คาดแล้วเสร็จในปี 2562 และจะเพิ่มเป็น 19 ล้านตันต่อปีในปี 2565 การลงทุนในรูปแบบนี้ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับผลประกอบการของธุรกิจก๊าซฯ เช่นเดียวกับ
การลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ
*** บล.เอเซีย พลัส แนะ"ซื้อ"เป้า 500 บ.คาดบันทึกำไรขาย SPRC ราว 1.8 พันลบ.ใน Q4/60
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะ"ซื้อ" PTT FV@500 บาท PTT แจ้ง ตลท.บ่ายวันนี้ว่าได้ทำการขายหุ้นสามัญ SPRC ที่ PTT ถืออยู่ทั้งหมดในปัจจุบันจำนวน 234.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.4%ของจำนวนหุ้น SPRC ทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 3.7 พัน
ล้านบาท
เบื้องต้นคาด PTT จะบันทึกกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวราว 1.8 พันล้านบาท (ก่อนภาษี) ในงบกำไรขาดทุนงวด 4Q60
***บล.พัฒนสิน โนมูระ คาด PTT มีกำไรขายหุ้น SPRC 2 พันลบ.
บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดราคาน้ำมันเข้าสู่จุด Rebound ในแนวโน้มขาขึ้นวันนี้ แนะนำ PTT(มีแผนขายหุ้น SPRC 15.65-16.00บาท คาดกำไรเบื้องต้น 2 พันล้านบาท เป็นปัจจัยบวก)