สรุปข่าว #เศรษฐกิจต้องรู้ ประจำวันที่ 18 กันยายน 2566
โดยมีหัวข้อข่าวที่น่าสนใจดังนี้

.
นายกฯสั่งคุมเข้มจีนเทา!รับฟรีวีซ่า
คาดยอดซื้อทองแตะ 100 ตัน ชี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยราคานิวไฮ
นายจ้างอ่วมค่าแรง 400
.
ติดตามอ่านรายละเอียดตามนี้ได้เลยครับ
.
ประเด็นเชิงบวก
.
โฮโดรเจนบูม 5 หมื่นล้าน | ข่าวสด
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือบีไอจี เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนจะนำเทคโนโลยีการเก็บกักคาร์บอนและเทคโนโลยีอิเล็กโตรไลซิสเพื่อพัฒนาไฮโดรเจนสีน้ำเงินและไฮโดรเจนสีเขียวร่วมกับองค์กรชั้นนำในประเทศ เน้นโครงการที่ทำได้จริง ผลักดันการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานไฮโดรเจนอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต โดยประเมินมูลค่าอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในช่วงปี 2568-2573 คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท และภายหลังจากปี 2573 คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 200,000-300,000 ล้านบาท
.
ประเด็นข่าวทั่วไป
.
นายกฯสั่งคุมเข้มจีนเทา!รับฟรีวีซ่า | ไทยรัฐ
ทอท.เด้งรับผุดสนามบินอันดามัน-เชียงใหม่ "เศรษฐา" ลุยเชียงใหม่ ประเมินเม็ดเงินท่องเที่ยวหลังเปิดฟรีวีซ่าจีน แต่ยังห่วงปัญหาความมั่นคงสั่งผู้การเชียงใหม่อย่าให้บกพร่องเรื่องกลุ่มจีนเทา ย้ำฟรีวีซ่าประเทศอื่นๆ ต้องพิจารณาหลายมิติฝันให้ทุกเดือนเป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยวไทย ด้าน ทอท.เด้งรับนโยบาย "เศรษฐา" ฟื้นแผนสร้างสนามบินนานาชาติอันดามัน คาดใช้เงินลงทุน 7 หมื่นล้านบาท รวมทั้งสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 อีก 7 หมื่นล้าน
.
นายจ้างอ่วมค่าแรง 400 | ไทยรัฐ
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศแผนปรับค่าจ้างขั้นต่ำ โดยมีเป้าหมายวันละ 400 บาท จากปัจจุบัน 352-354 บาทต่อวันว่า หากใช้ค่าจ้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลเป็นฐาน หากปรับเป็น 400 บาท จะเพิ่มขึ้นวันละ 47 บาท หากนายจ้างที่จ้างงาน 100 คน จะมีต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นปีละ 1.7 ล้านบาท ซึ่งภาคเอกชนไม่เห็นด้วย เพราะค่าจ้างที่สูงขึ้น จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและต้นทุนของนายจ้าง โดยเฉพาะรายย่อยและเอสเอ็มอี จึงขอให้รัฐบาลทบทวนอัตราให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ และไม่ควรปรับเท่ากันทั้งประเทศ อีกทั้งค่าจ้างที่สูง จะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นด้วย
.
คาดยอดซื้อทองแตะ 100 ตัน ชี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยราคานิวไฮ | เดลินิวส์
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ไทยจะมีการบริโภคทองคำเฉลี่ย 100 ตันต่อปี ซึ่งใกล้ระดับที่เคยสูงสุดที่ 153.8 ตันต่อปีในปี 56 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับเฉลี่ย 63 ตันต่อปี สูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่ จีน และ อินเดีย และเป็นอันดับ 7 ของโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยหันมาซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์เพื่อลงทุนมากขึ้น เพราะเข้าถึงง่ายในราคาเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ตลาดทองคำในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
.
7 ล้านคนรอเลยได้พักหนี้แน่ | เดลินิวส์
คลังชงครม.ไฟเขียวต้นต.ค. สหกรณ์-ครู-ตำรวจรอบหน้า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงนโยบายการพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอี ว่า เบื้องต้นได้ประเมินว่าจะมีเกษตรกรและเอสเอ็มอีที่อยู่ในข่ายได้รับการพักชำระหนี้จากนโยบายของรัฐบาลไม่เกิน 7 ล้านราย แบ่งเป็น เอสเอ็มอี ประมาณ 3 ล้านราย และเกษตรกร ประมาณ 4 ล้านราย อย่างไรก็ดี ในส่วนของเกษตรกรได้เน้นไปยังกลุ่มรายย่อยเป็นหลัก แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะกำหนดวงเงินการพักหนี้ที่เท่าใด โดยต้องคำนึงถึงงบประมาณที่มาชดเชยให้แก่โครงการนี้ด้วย
.
"ยูบิลลี่" ชี้เพชรเทียมไม่ตอบโจทย์ลงทุน | ไทยรัฐ
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ Jubilee ผู้นำธุรกิจเครื่องประดับเพชรแท้อันดับหนึ่งของไทย ภายใต้แบรนด์ "ยูบิลลี่ ไดมอนด์" กล่าวถึงกระแสความนิยมใน "เพชรสังเคราะห์" ที่สูงขึ้นกระทบต่อดีมานด์ในตลาด "เพชรแท้" จนทำให้ De Beers ยักษ์ใหญ่วงการเพชรต้องปรับลดราคาเพชรลงนั้น โดยนางสาวอัญรัตน์ให้ข้อเท็จจริงว่า ความนิยมในเพชรสังเคราะห์ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาเพชรแท้ที่เจียระไนแล้ว แต่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเพชรแท้ ทำให้ดีมานด์หดตัวและราคาย่อตัวลงมา โดยถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากช่วงเกิดโควิด-19 ธุรกิจเหมืองเพชรหยุดชะงัก และเมื่อเกิดสงครามยูเครน-รัสเซียก็มีการแบนเพชรจากเหมืองรัสเซีย แต่หลังโควิดคลี่คลายตลาดฝั่งอเมริกาเริ่มเปิดและจีนก็เริ่มทยอยปลดล็อกมาตรการต่างๆ ตลาดเพชรได้กลับมามีความต้องการเพิ่มขึ้น ยิ่งส่งผลให้ราคาเพชรพุ่งสูงขึ้นถึง 27.3%
.
แปลงร่างเกษตรชุมชน | เดลินิวส์
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน ประจำปีงบประมาณ 66 มีชุมชนเข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ 2,547 ราย และพัฒนาให้เกิดผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค 312 ผลิตภัณฑ์ ทำให้วิสาหกิจสามารถยกระดับผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มีมูลค่าสูง ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งของการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่มีส่วนสำคัญ ต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
--