ห้องเม่าปีกเหล็ก

แนวโน้มตลาดหุ้น ในสัปดาห์หน้า (5-9ส.ค.)

โดย poomai
เผยแพร่ :
89 views

เศรษฐกิจโลกเสี่ยง กดดัน”หุ้น-ค่าบาท”

ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังกดดันตลาดหุ้น-เงินในสัปดาห์หน้า บล.กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,670 และ 1,650 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,715 จุด ตามลำดับ ขณะค่าเงินบาท เคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-31.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ

แนวโน้มตลาดหุ้น ในสัปดาห์หน้า (5-9ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,670 และ 1,650 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,715 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ สถานการณ์ในประเทศ และผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. (7 ส.ค.) สถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนรวมถึงสถานการณ์ Brexit

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI Composite เดือนก.ค.ของยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/62 ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคเดือนก.ค.ของจีน

ดัชนีหุ้นไทยลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนโดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,684.71จุด ลดลง 1.94% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,780.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.07% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 2.71% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 363.21จุด

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเกือบตลอดสัปดาห์ โดยตลาดถูกกดดันในช่วงต้นสัปดาห์จากความกังวลว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/62 จะมีทิศทางที่ค่อนข้างอ่อนแอ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยครั้งถัดไป ประกอบกับปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้นักลงทุนกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง

นอกจากนี้ สถานการณ์ในประเทศก็น่าจะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมของตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

แนวโน้มค่าเงินบาท ในสัปดาห์ถัดไป (5-9 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.60-31.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามสถานการณ์ในประเทศ และผลการประชุมกนง. (7 ส.ค.) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนก.ค. สถานการณ์BREXIT และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ จีน และประเทศชั้นนำอื่นๆ ตลอดจนผลการประชุมของธนาคารกลางอื่นๆ ได้แก่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย

เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงหลังผลการประชุมเฟดโดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ที่ชะลอลงระหว่างที่ตลาดรอติดตามผลการประชุมเฟดและการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ หลังจากที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดยังไม่สะท้อนถึงโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งต่อไป แม้เฟดจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบล่าสุดก็ตาม

สำหรับในช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ สอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาคท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดของสงครามการค้า แต่ลดช่วงติดลบกลับมาได้เกือบทั้งหมด ก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ

ในวันศุกร์ (2 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (26 ก.ค.)

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai