ห้องเม่าปีกเหล็ก

ทำความรู้จักกับ "ธนาคารเงา" (Shadow Banking)

โดย slark
เผยแพร่ :
162 views

เมื่อพูดถึงคำว่า "ธนาคารเงา" (Shadow Banking) หลายคนอาจสงสัยว่าคืออะไร แล้วทำธุรกิจต่างกับ

ธนาคำรพาณิชย์ที่เรารู้จักอย่างไร หากกล่าวถึงธนาคารพาณิชย์ท่านผู้อ่านก็คงทราบกันดีว่าธุรกิจธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไปก็
คือธุรกิจการเป็นตัวกลางที่ทำหน้ำที่รับฝากเงินจากผู้ที่ต้องการออมและนำเงินฝากไปปล่อยกู้ให้แก่ผู้ที่ต้องการเงินทุน
โดยตรงในรูปของการให้สินเชื่อประเภทต่าง ๆ ซึ่งการประกอบธุรกิจดังกล่ำวจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวด
ของผู้กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีหน้ำที่ในการกำกับดูแลให้ธนาคารพาณิชย์มีฐานะที่มั่นคงและมีธรรมาภิบาลที่ดี
อย่ำงไรก็ตาม ตัวกลางในระบบการเงินที่ทำหน้ำที่ในลักษณะนี้ไม่ได้มีเฉพาะธนาคารพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังมีตัวกลาง
ประเภทอื่นที่มีการนำเงินจากผู้ที่มีเงินเหลือและต้องการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน ไปปล่อยกู้ทางอ้อมให้แก่ผู้ที่
ต้องการเงินทุน ซึ่งอาจอยู่ในรูปของการลงทุนในตราสารหนี้หรือตราสารทุนที่ผู้ที่ต้องการเงินทุนนั้นออกจำหน่าย

 ตัวอย่างของ Shadow Banking ที่เกิดปัญหาขึ้นในต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้เช่น กรณีของกองทรัสต์ใน

ประเทศจีนที่ได้ออกตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์คือ ลูกหนี้สินเชื่อหนุนหลังขายให้กับนักลงทุน ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าการ
ฝากเงิน โดยกองทรัสต์ได้เข้าไปซื้อลูกหนี้มาจากธนาคำรพาณิชย์ โดยที่หนี้นั้นส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เกิดจากการปล่อยกู้
ให้แก่รัฐบาลท้องถิ่น หนี้ที่เกิดจากการลงทุนหรือให้กู้แก่กิจการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทเหมืองถ่านหิน และบริษัทที่รัฐบาล
ท้องถิ่นจัดตั้งขึ้น เป็นต้น ดังนั้น แหล่งรายได้ของกองทรัสต์ที่จะนำมาจ่ายผลตอบแทนจึงมาจากคุณภาพในการจ่ายชำระหนี้
ของลูกหนี้ดังกล่าว เมื่อลูกหนี้เกิดปัญหาไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ กองทรัสต์ก็ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับนักทุน
ได้เช่นกัน ธุรกรรมของกองทรัสต์นี้จึงมีลักษณะคล้ายกับการออกตราสาร Collateralized Debt Obligations
(CDOs) ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของวิกฤตในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงปี 2550 ? 2551

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาลักษณะการทำธุรกรรมของกองทรัสต์ข้างต้นจะพบว่า กองทรัสต์ดังกล่าวทำหน้าที่เป็นตัวกลางใน

การทำธุรกรรมที่คล้ายธนาคารพาณิชย์และมีความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกับการทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ กล่าวคือ มีการระดม
ทุนในระยะสั้นจากนักลงทุน เพื่อนำไปปล่อยกู้ทางอ้อมหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอายุยาว แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ตัวกลาง
เหล่านี้อาจไม่ได้ถูกกำกับดูแลหรือมีการกำกับดูแลในระดับที่ไม่เท่ากับธนาคารพาณิชย์ เราจึงเรียกตัวกลางในลักษณะนี้
ว่าเป็น "Shadow Banking"

ในอดีตที่ผ่านมา Shadow Banking นี้ ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากเป็น

ทางเลือกของนักลงทุนในการที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้นกว่าการฝากเงิน และผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึง
บริการของธนาคารพาณิชย์ได้อย่างเพียงพอหรือสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ได้ในต้นทุนที่สูงก็สามารถ
ระดมเงินทุนที่ต้องการผ่านตัวกลางในลักษณะที่เป็น Shadow Banking ดังกล่าวได้ดังนั้น Shadow Banking จึงมีส่วน
ช่วยส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้มีความหลากหลายมากขึ้น และยัง
เป็นช่องทางในการถ่ายโอนความเสี่ยงออกจากระบบธนาคารพาณิชย์ด้วย

อย่างไรก็ดี แม้ว่า Shadow Banking จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามที่กล่าวข้างต้น แต่ใน

ขณะเดียวกันก็ต้องถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดความเปราะบางและสร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินอย่างมากเนื่องจาก
Shadow Banking มีความเชื่อมโยงกับระบบธนาคารพาณิชย์เช่น เป็นคู่สัญญาในการทำธุรกรรมถ่ายโอนความเสี่ยงกับ
ธนาคารพาณิชย์ผ่านการทำธุรกรรม securitization หรือเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่มีส่วนช่วยในการ
สนับสนุนกลยุทธ์ด้านการจัดหาเงินของธนาคำรพาณิชย์ทำให้ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจาก Shadow Banking สามารถ
ขยายไปถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินประเภทต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในที่สุดก็อาจแผ่ขยายเป็นวงกว้างจน
กระทบต่อระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินโดยรวมได้ โดยจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในช่วงปี 2550?2551 ที่ผ่านมา
ชี้ให้เห็นว่า Shadow Banking มีการทำธุรกรรมที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระดับที่
สูงขึ้น โดยแหล่งเงินทุนที่นำมาทำธุรกรรมดังกล่าวมักมาจากการระดมทุนระยะสั้น และมีอัตราส่วนของการก่อหนี้ (leverage)
ในระดับสูง ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีตัวกลางในการทำธุรกรรม
securitization ค่อนข้างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยประสบปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ราคาตราสาร
หนี้ securitization ที่มีสินเชื่อเหล่านี้หนุนหลังอยู่ก็ตกต่ำลงอย่างรุนแรง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันการเงินที่ลงทุนใน
ตราสารเหล่านี้เป็นอันมาก เกิดการขาดสภาพคล่องและส่งผลกระทบต่อฐานะและความมั่นคงจนกระทั่งทำให้เกิดวิกฤตของ
ระบบสถาบันการเงินขึ้น

จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้นำกลุ่ม G-20 ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา

ออสเตรเลีย บราซิล จีน เกาหลีใต้ เม็กซิโก รัสเซีย สหภาพยุโรป อาร์เจนตินำ อินเดียอินโดนีเซีย ซาอุดิอาระเบีย
แอฟริกาใต้ และตุรกี จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการด้านเสถียรภาพการเงิน (Financial Stability Board: FSB) ทำ
หน้าที่เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาและกำหนดข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล Shadow
Banking เช่น (1) จำกัดประเภททรัพย์สินที่สามารถลงทุนได้ (2) ให้ถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและมีควำมเสี่ยงต่ำอย่าง
เพียงพอ (3) ให้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญให้ลูกค้าหรือนักลงทุนทราบ รวมถึง ทำหน้าที่ในกำรติดตามสถานะ แนวโน้มและ
พัฒนาการของระบบดังกล่าวด้วย และเพื่อลดผลกระทบจากความเชื่อมโยงระหว่างระบบธนาคารพาณิชย์กับระบบ
Shadow Banking รวมถึงลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน (systemic risk) ที่เกิดจาก Shadow
Banking

สำหรับประเทศไทยเอง หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการติดตามการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลต่าง ๆใน

ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบในประเทศและประยุกต์ใช้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลให้สอดคล้องกับ
แนวทางสากลเพื่อเสริมสร้างให้เกิดความมั่นคงและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินของประเทศ

ผู้เขียน
จิดาภา รอดผล


slark