โดย sundaypun
เผยแพร่ : 
210 viewsจากกรณีดีลควบรวมกิจการโทรคมนาคม “ทรู-ดีแทค” ที่บอร์ดอนุมัติ ควบรวมกิจการกันตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 65 แต่ จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีบทสรุปแน่ชัดจาก กสทช. หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลว่าจะให้ดำเนินการไปในทิศทางไหน ซึ่ง ณ ปัจจุบันระยะเวลาล่วงเลยมาเกือบ 9 เดือน ความล่าช้าของคณะกรรมการ กสทช. ที่เอาแต่เลื่อนวาระการพิจาณาไปเรื่อยๆ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น ทั้งที่ประกาศ กสทช. เกี่ยวกับการรวมธุรกิจ กำหนดระยะเวลาไว้ชัดเจนว่าให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ได้รับใบอนุญาตยื่นต่อเลขาธิการ กสทช. ซึ่งในทางธุรกิจนั้น การที่ปล่อยระยะเวลาให้ล่าช้าเพียงแค่ 1 วันก็ประเมิณมูลค่าความเสียหายไม่ได้แล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 65 ผู้ถือหุ้นรายย่อย TRUE ได้มอบหมายให้ทนายความเดินหน้าฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กล่าวหากรรมการ กสทช. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ผิด ม.157 กรณีพิจารณาแผนควบรวมธุรกิจ TRUE-DTAC ล่าช้าเกินกรอบกฎหมาย หลังเคยฟ้องแพ่งการทำหน้าที่ได้รับความเสียหาย 160,000 ล้านบาท
โดยล่าสุดนายเพทาย วัฒนศิริ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TRUE ถึงสาเหตุที่ต้องมีการดำเนินการยื่นฟ้องกรรมการกสทช.เป็นคดีอาญา ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เหตุผลสำคัญ เพราะผู้ถือหุ้นเห็นตรงกันว่า การทำหน้าที่ของ กสทช.และผู้เกี่ยวข้อง มีส่วนทำให้กระบวนการที่ควรจะเป็นในเรื่องการควบรวมธุรกิจ TRUE – DTAC ไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และความล่าช้าทั้งหมด ก็ไม่ปรากฏว่าเหตุผลที่สมควรแก่การรับฟัง
และข้อเท็จจริงที่ผ่านมา ทาง TRUE และ DTAC ได้ยื่นความเห็นเรื่องการรวมธุรกิจไปยังรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และ คณะกรรมการกสทช. ไปตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2565 ซึ่งตามกฎหมาย ที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ของอนุกรรมการด้านกฎหมาย มีความเห็นว่า คณะกรรมการกสทช.ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน แต่กสทช.ก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานาน จนทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลกระทบหลายด้าน
ส่วนกรณีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง นายเพทาย ระบุว่า เป็นการยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่ม โดยศาลจะทำการไต่สวนและพิจารณาเกี่ยวกับตัวคำฟ้องว่าจะรับไว้เป็นคดีแบบกลุ่มหรือไม่ ซึ่งถ้ารับไว้เป็นคดีแบบกลุ่ม นอกจากโจทก์ยื่นฟ้องคดีแล้ว ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่ถือเป็นสมาชิกกลุ่มก็สามารถที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้
ขณะที่สาเหตุต้องมีการฟ้องร้องทางแพ่งนั้น เนื่องจากกระบวนการควบรวม ไม่ได้มีการพิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะในกระบวนการการรวมธุรกิจ จะมีเรื่องการรับซื้อหุ้นคืน ส่วนนี้ผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์จากตรงนั้น แต่เมื่อกำหนดระยะเวลาล่วงเลยไป หรือเมื่อยังไม่ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการรวมธุรกิจ ผู้ถือหุ้นก็จะเป็นผู้เสียประโยชน์ทันที
ในแง่มุมของการทำธุรกิจ การที่บริษัทประกาศการควบรวมธุรกิจกันแล้วย่อมสร้างความคาดหวังให้กับผู้ถือหุ้น เพราะธุรกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีหุ้นส่วนความเป็นเจ้าของหลายคนซึ่งในดีลนี้ก็มีการประชุมผู้ถือหุ้นผ่านความเห็นชอบไปแล้ว หากดีลนี้จะไม่เกิดขึ้นก็ย่อมส่งผลกระทบกับผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท ผลการตัดสินใจของ กสทช. ณ เวลานี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกฝ่ายอยากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจาก กสทช. เพราะยิ่งดึงเรื่องให้ล่าช้า ย่อมมีผลกระทบธุรกิจ ผู้ถือหุ้น และลูกค้า โดยหากการประชุมบอร์ด กสทช.ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ยังไม่มีข้อสรุปอีก บอร์ด กสทช.ก็ควรกำหนดเวลาที่ชัดเจน ว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ให้ได้ข้อยุติได้เมื่อใด เพราะผู้ถือหุ้นย่อมต้องการความแน่ชัดในเรื่องนี้
