TISCO ปันผลสุดสตรอง ราคาหุ้นขยับเป้าหมายใหม่
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การเปลี่ยนกลุ่มหุ้น และโยกรายตัวมีให้เห็นหลังจากหุ้นไทยประคองตัวเองไม่หลุด 1,500 จุด ซึ่งมีหุ้นแบงก์ที่ถือว่าแข็งกว่าตลาดหุ้น จนการเมืองมีความชัดเจนได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทำให้เริ่มรินขายหุ้นแบงก์ออกมา
จากช่วงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 ถือว่าหุ้นแบงก์มีตัวเลขกำไรเติบโตดี (ยกเว้นบางธนาคารที่เจอการตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้น) บวกกับการประกาศรับเงินปันผลในรอบครึ่งปีทำให้เมื่อขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วแรงขายจึงทำงาน
อย่างไรก็ตาม แรงขายลด และกลับมาประเมินราคาหุ้นแบงก์กันใหม่ เพราะกระแสแรงของ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีผลต่อหุ้นแบงก์ และหุ้นค้าปลีก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงประมาณการกำไรในปีนี้ที่เริ่มกลับมามองว่ากลุ่มแบงก์จะได้อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่
ปัจจุบันหุ้นที่มีการปรับประมาณกำไร และมีผลต่อราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเซียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ทำให้ราคาหุ้นมีการขยับยืนเหนือ 100 บาท ช่วงปลายเดือนส.ค. ที่ผ่านมา
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อหุ้น TISCO หนีไม่พ้น ความน่าสนใจด้านอัตราการจ่ายเงินปันผล หรือ dividend yield เพราะขึ้นแท่นในกลุ่มแบงก์ด้วยกันในการจ่ายปันผลสม่ำเสมอและต่อเนื่องในอัตราที่สูง และยังครองตำแหน่งหุ้นปันผลสูงในตลาดหุ้นไทยอีกด้วย
จากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 TISCO รายงานกำไรสุทธิจำนวน 1,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาส 2/2565 โดยรายได้จากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น 4.1% จากการเติบโตของธุรกิจการให้สินเชื่อ ซึ่งส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
แม้ว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 91.8% ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาด ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 8.8% เนื่องมาจากความผันผวนและซบเซาของตลาดทุนเป็นหลัก นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังอ่อนตัวลงเล็กน้อย
ขณะที่ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,646 ล้านบาท ทรงตัวจากครึ่งปีแรกของปี 2565 โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 8.7% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 3.5% จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์
กำไรจากเงินลงทุน และค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.6% จากค่าใช้จ่ายลงทุนต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ 17.6% และจุดแข็งอีกด้านคือ การตั้งสำรองที่น้อยในงวดดังกล่าว และอัตราส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) ที่ 224.0% ส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 2.2% ของสินเชื่อรวม
รวมถึงไฮไลต์เด็ดการจ่ายเงินปันผล ระหว่างกาล 2 บาทต่อหุ้น คิอเป็น D/Y ราว 2% โดยขึ้น XD 6 ก.ย. และกำหนดจ่าย 22 ก.ย. มูลค่ารวม 1,601 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งแรกในรอบหลายปีและไม่ใช่ปันผลพิเศษ
หลังประชุมคณะกรรมการบริษัทได้เปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินปันผลจากการจ่ายเพียง 1 ครั้งต่อปี เป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ดังนั้น TISCO จะเป็นแบงก์ที่มีจุดเด่นการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูงเท่าเดิมและมีผลต่อราคาหุ้นทั้งครึ่งปีแรกและครึ่งหลัง ซึ่งตามการประเมินของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน D/Y หุ้น TISCO ปี 2566-2568 ที่ 8.2 % , 8.5% และ 8.7% ตามลำดับ จากปี 2565 ที่ 7.8 % รวมไปถึงการปรับขึ้นราคาเป้าหมายอีก 14.1% จาก 97.25 บาท เป็น 111 บาท
บล.พาย ให้เป้าหมายราคาเดิมที่ 102 บาท จากการเติบโตช้าแต่ปันผลสูง เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อในครึ่งปีหลังจะแผ่วลงจาก+5.2%ในครึ่งปีแรก เพราะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่อาจโตช้าลง หลังดอกเบี้ยนโยบายของไทยอาจเพิ่มไปเป็น2.5% สิ้นปี 2566 มีต้นทุนดอกเบี้ยสูงกว่าคาด
NPL ratio ในครึ่งปีหลังจะปรับเพิ่มต่อเนื่อจากกลุ่มออโต้แคช และNPL รถมือสองแต่NPL ratio จะไม่เกิน 2.5%ในปีนี้ ด้วยการตั้งสํารองหนี้ฯ ส่วนเกินทำให้ค่าใช้จ่ายสํารองหนี้สูญจะทรงตัว และอัตราส่วนการตั้งสํารองหนี้ฯ ที่ 224%ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ดีที่ 160%