รวยก่อนแก่..อย่าพึ่งแก่ก่อนรวยจะได้ไหม? ปัญหาเกิดได้..ถ้าจะแก่ก่อนรวย

==ปัญหาระดับชาติ...แก่ก่อนรวย==

ในปัจจุบัน ...พฤติกรรมประชากรไทย ปี 59 จากหลายๆแหล่ง แนวโน้มคือ

- คน GEN Y (อายุ 20-36) บริโภคมากขึ้น ท่องเที่ยวมากขึ้น ซื้อของทางเน็ตมาก และ มีหนี้เสียจากบัตรเครดิตมากและเพิ่มขึ้นๆ

- คน GenX (อายุ 37-51) มีแนวโน้มบริโภคมากขึ้น(แต่ยังเบากว่าเจน Y) ที่เพิ่มมากคือ ไม่แต่งงาน พึ่งพาตัวเอง ครองโสดมากขึ้น บ้างก็ไม่ยอมมีลูก ยังไม่มีแผนเป็นรูปธรรมเรื่องการเงิน อยู่คนเดียว ใช้เงินเต็มที่คนเดียว

- ขณะที่คนรุ่น Baby Boomer (อายุ 52+) ส่วนใหญ่ คิดว่าตนเองไม่มีรายได้ชราภาพที่มั่นคง แต่หวังว่าจะผ่านช่วงเกษียณที่ไม่มีรายได้ไปได้ (ตอบไม่ได้ว่าด้วยอะไร)

สรุปคือ คนทุก Gen ยังไม่ได้วางแผนเรื่องการเงิน การออม และการลงทุนเท่าที่ควร ซ้ำร้าย ใน "บางอาชีพ"เชื่อว่าเขาไม่ต้องเตรียมอะไร เพราะรัฐต้องเอาภาษีมาดูแลพวกเขาอยู่แล้ว (ซึ่งนั่นไม่มีอะไรการันตีเลย)

ไม่ว่าจะเป็นคนเจนไหน สังคมไทยต้องการ “การเตรียมความพร้อม” ทางการเงิน ของมนุษย์ยุคนี้สูงมาก ทุกคนต้องมีความเป็นมนุษย์เศรษฐกิจ คือ คิดเรื่องเงินทอง และอนาคต

ถ้าคนส่วนใหญ่ในประเทศ ไม่ได้เตรียมความพร้อมอะไรเลย ... ในอนาคต ผมขอ มโนสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้ 7 ประการดังนี้

1. ไทยเราจะเข้าสู่ สังคมส.ว. (สูงวัย) ที่ผู้คนสูงอายุจำนวนมากจะมีรายได้ลดลงๆ แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นๆ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านสุขภาพ และค่าครองชีพที่เพิ่มแบบเกินคาด เห็นข่าว BDMS ซื้อโรงแรมใช่ไหมครับ นั่นจะเอาไปทำ Wellness Center ศูนย์สุขภาพครบวงจร(แบบ super luxury) ธุรกิจจำนวนมากกำลังคิดและเตรียมเรื่องนี้

2. เบี้ยผู้สูงอายุ จากกองทุนชราภาพที่รัฐจ่ายให้ทุกเดือนจะไม่เพิ่ม และไม่พอใช้ และ(อาจจะ)ไม่พอจ่ายผู้ประกันตนรุ่นหลัง

3. คนที่เกษียณส่วนใหญ่ยังพึ่งพาดอกฝาก...ซึ่งฟันธงเลยว่าดอกเบี้ยจะต่ำนานจนไม่ต้องถามว่า นอนกินดอกยังรอดอีกหรือ?

4. คนไทยส่วนใหญ่ จะยังไม่กล้าลงทุนในหุ้น พวกเขายังมองตลาดหุ้นเป็นการพนัน พวกเขาไม่ซื้อตราสารหนี้ ไม่เอาพันธบัตร เพราะดอกเบี้ยมันต่ำ ...ยิ่งต่ำก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นคง ก็ไม่ยอมลงทุนกันเข้าไปใหญ่ พอเอาไปฝากแบงค์ ก็ร้องจ๊ากว่า เงินไม่งอกเงย สุดท้าย worst case คือเหมือนญี่ปุ่น คนไปซื้อตู้เซฟมาเก็บเงินไว้ในบ้าน แล้วใช้จ่ายอย่างเขียมสุดๆๆๆๆๆ นั่นยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจประเทศ เพราะทำของออกมาไม่มีคนซื้อของ กลายเป็นภาวะเงินฝืด

5. ลูกจ้างชาวไทย จะรู้สึกเครียดมากขึ้น เพราะบริษัทสมัยนี้ขายของยาก ต้องลดค่าใช้จ่าย ไม่จ้างคนเพิ่ม เปลี่ยนงานยากเย็น คนอายุ 21-30 จะหางานบริษัทมั่นคงทำยากขึ้นมาก...ยิ่งถ้าอายุ 41-55 ตกงานแล้วตกงานเลย องค์กรตั้งเป้าใช้คนน้อยลง

6. ข้าวปลาอาหาร ค่าครองชีพ ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าตั๋วหนัง ค่าทางด่วน ค่าจอดรถ มีแต่จะสูงขึ้นๆ

7. ช้อปปิ้งออนไลน์ กำลังบุกถึงมือถือของผู้คน คนจะซื้อของด้วยความวู่วามมากขึ้น ทำให้มีแต่เรื่องเสียตังค์ง่ายๆ แต่หาตังค์ทำไมมันโคตรยาก

แล้วจะแก้ปัญหายังไง???

เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ 1 ในวิธีที่ง่ายที่สุดคือ "การทยอยลงทุน"

เอาง่ายๆ ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วทำสิ่งต่อไปนี้อย่างต่อเนื่องเป็นสิบๆปี คือ ลงทุนใน

1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กบข. อย่างน้อย 5%
2. ซื่้อ LTF(15%) RMF(15%) ให้เต็มสิทธิทุกปี
3. ซื้อประกันชีวิต เพื่อมั่นคง ... ยิ่งถ้าเต็มสิทธิหักภาษี 100,000 นี่สุดยอด

เอาแค่ 3 ข้อนี้ คุณจะมี Saving and Investment = (5%*2) + 15% + 15% = 40% ของรายได้ บวกกับประกันชีวิต !!!

ถ้าออมได้ 40% ของรายได้ คุณคือสุดยอด Top ของสังคมไทย ในแง่การออมและลงทุนแล้ว นี่คือกองทุนเกษียณของคุณ ที่ไม่ว่าใคร ก็เอาไปไม่ได้

..............................
คอร์ส "ติวหุ้น วีไอ by นิ้วโป้ง"

เลือกหุ้นดี ดูฟันโฟล์ว อ่านงบการเงินเป็น วาง Portfolio ขุดหุ้น Good Stock และ Good Price

วัดมูลค่าหุ้น ผมสอนเอง 2 วันเต็มอย่างเข้มข้น เสาร์-อาทิตย์ 8-9 ต.ค.นี้ ที่ Stock2morrow สีลมคอมเพล็กซ์

สนใจ คลิก http://goo.gl/NLqrGH

facebook สัมมนาstock2morrow