ช่วงต้นปีของทุก ๆ ปีมักเป็นช่วงเวลาการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนในทุกกลุ่ม จึงไม่แปลกอะไรที่จะเห็นสภาวะของตลาดหุ้นที่อยู่ในอาการผันผวนรุนแรง เพราะนักลงทุนนิยมใช้ช่วงเวลาในเดือน ม.ค.ประเมินแนวโน้มตลาดที่จะเกิดขึ้นในปีนั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ภาพของเม็ดเงินที่วิ่งเข้าหรือไหลออกจากตลาดทุนยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม "ประชาชาติธุรกิจ" ได้สอบถาม "แท็กติก" หรือ "เทคนิคการทำกำไร" การลงทุนในหุ้นจากนักวิเคราะห์สองรายที่น่าสนใจมาฝากนักลงทุนศึกษาเป็นแนวทางเลือกลงทุนปีระกา
เริ่มที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส มองว่า หลังการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดปี 2559 ก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูจ่ายเงินปันผล (รายไตรมาสครึ่งปี หรือ 1 ปี) ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ซึ่งจะมีผลให้หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล (dividend yield) ในระดับสูงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษอีกครั้ง
ทั้งนี้ข้อมูลสถิติย้อนหลัง 5 ปี ฝ่ายวิจัยฯ ชี้ว่า หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตราเฉลี่ยสูงกว่า 3% จะมีราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล) เสมอ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนหุ้นปันผล คือ "ซื้อ" ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 2 เดือน และ "ขาย"ทำกำไรในวันที่ขึ้น XD ซึ่งทำให้ได้รับผลตอบแทนใน 2 กรณีหลัก ได้แก่
หนึ่ง หุ้นที่จ่ายปันผลปีละครั้ง หากซื้อก่อนวันขึ้น XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD ในอดีตพบว่า จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 11.66% ด้วยความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 84% อาทิ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 27.0% รองลงมาคือ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) 17.3% บมจ.ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) (IFS) 15.6% บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK) 12.6% บมจ.ฐิติกร (TK) 12.1% บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) 6.7% บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) 5.6% ธนาคารกรุงไทย (KTB) 3.9% และ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) 4.3%
สอง หุ้นที่จ่ายปันผลปีละมากกว่า 2 ครั้ง หากซื้อก่อนวันขึ้น XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD มีสถิติพบว่า จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 7.57% ด้วยความน่าจะเป็น 79% ซึ่งมี 34 บริษัท อาทิ บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 15.8% บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) 13.8% บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) 13.4% เป็นต้น
"ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐาน หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่ต้นปีเช่นนี้ และดัชนีเริ่มเข้าใกล้เป้าหมายสิ้นปีตามที่ประมาณการไว้ระดับ 1,600 จุด จึงอาจทำให้ดัชนีมีโอกาสเผชิญความเสี่ยงจากแรงเทขายทำกำไรได้ การเลือกหุ้นจึงต้องพิถีพิถัน และใช้กลยุทธ์เล่นหุ้นที่มีอัพไซด์เหลือ พื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายปันผลสูง และราคามักปรับตัวขึ้นก่อน XD เสมอ" นักวิเคราะห์กล่าว
ส่วนอีกมุมมองหนึ่ง "อิสระ อรดีดลเชษฐ์" ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ ให้ความเห็นว่าการลงทุนปีนี้เชื่อว่าหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (growth stock) จะให้ผลตอบแทน (รีเทิร์น) ชนะหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ เนื่องจากปีนี้ดอกเบี้ยมีโอกาสปรับตัวขึ้น ดังนั้นรีเทิร์นที่ได้จากเงินปันผลอาจจะไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้
สำหรับหุ้นที่แนะนำในช่วงไตรมาส 1 นี้ ได้แก่ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (KTB)
เนื่องจากมีแรงหนุนมาก อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัว และการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมกับคาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำในทั้ง 2 มุมมองยังต้องอาศัยการติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นอยู่ดี แต่ก็พอจะแนะเทคนิคการทำกำไรระยะสั้นแก่ผู้ลงทุนในช่วงต้นปีนี้ได้บ้าง