ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิด 10 หุ้น P/E ต่ำสุดใน SET100 แต่มีเพียง 3 บริษัท ที่ราคาพุ่งในรอบ 1 เดือน

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
95 views

เปิด 10 หุ้น P/E ต่ำสุดใน SET100 แต่มีเพียง 3 บริษัท ที่ราคาพุ่งในรอบ 1 เดือน

ทีมข่าว Wealthy Thai ได้รวบรวมหุ้นที่มี P/E ต่ำสุดใน SET100 มาฝาก เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน โดย P/E เป็นอัตราส่วนทางการเงินยอดนิยมของนักลงทุนสายคุณค่า (VI) ที่นำข้อมูลทางการเงินมาใช้วิเคราะห์พื้นฐานของบริษัท ซึ่งคำนวณมาจากราคาตลาดของหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น (Price/Earnings Per Share) หรือก็คือ การนำราคาหุ้นมาเทียบกับความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัท


ทั้งนี้ค่า P/E สามารถประมาณจุดคุ้มทุนได้ เช่น หุ้น A ราคา 20 บาท มีกำไรต่อหุ้น 1 บาท ดังนั้น P/E เท่ากับ 20 เท่า หรือเราจะได้ทุน 20 บาทคืนเมื่อถือหุ้น A ครบ 20 ปี แต่ถือเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นเท่านั้น เพราะบางกรณี หุ้นที่ P/E สูงก็ยังน่าลงทุน อย่างเช่น หุ้น Growth Stock ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะมี P/E สูง แต่ก็ไม่ควรเกินระดับการเติบโตของกำไร อย่างไรก็ตาม บางครั้งหุ้นที่มี P/E ต่ำ ก็เกิดจากราคาที่ต่ำ และกำไรก็ไม่ได้เติบโต ดังนั้นแม้ P/E จะต่ำแค่ไหน ก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะลงทุนเช่นกัน 


โดยนักลงทุนสามารถเอาค่า P/E ของหุ้นตัวที่สนใจลองนำมาเปรียบเทียบในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ไม่แนะนำเปรียบเทียบต่างอุตสาหกรรมกัน และที่สำคัญต้องไปดูด้วยว่าค่า P/E ที่สูง หรือ ต่ำ เพราะอะไร โดยหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่มี P/E ต่ำสุดใน 10 อันดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิ.ย.2565) มีรายละเอียดดังนี้  

สำรวจแนวโน้มการเติบโตนับจากนี้

RCL โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยภายใต้หัวข้อ “หุ้นวัฏจักรจะแตะจุดสูงสุดเมื่อ P/E ต่ำ” ว่า ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 12% จากกำไรไตรมาส 1/2565 ที่ดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังปรับประมาณการกาไรปี 2567 ขึ้น 5% เนื่องจาก RCL ซื้อเรือใหม่ 2 ลำ (12,000 TEU/ลำ) มูลค่า 9 พันล้านบาท พร้อมส่งมอบภายในเดือน ส.ค. 2567 และเดือน ธ.ค. 2567 คาดว่ากำลังการผลิตของ RCL จะขยายตัวเป็น 136,000 TEU ภายในสิ้นปี 2568 เทียบกับ 98,000 TEU ภายในสิ้นปี 2565


อย่างไรก็ตามคาดว่าผลการดำเนินงานของ RCL จะลดลงอย่างมากในไตรมาส 2/2565 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแนวโน้มตามราคาน้ำมันที่งสูงขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จำเป็นต้องเพิ่ความเข้มงวดกับนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และพบว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย 5-6 ครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2513 เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และจากค่าสหสัมพันธ์ที่สูงระหว่าง GDP ทั่วโลกและการซื้อขายตู้คอนเทนเนอร์ที่ 56%


อุปสงค์ที่เติบโตช้าลงจึงคาดจะฉุดให้ค่าระวางเรือปรับลดลงนอกเหนือจาก ปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักที่บรรเทาลงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น และอุปทานเรือทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น Braemar ACM คาดว่าอัตราเติบโตสุทธิของกองเรือโลกในแง่ของ TEU ในปี 2565 จะอยู่ที่ 4% ขณะที่คาดอัตรเติบโตเฉลี่ยสุทธิของกองเรื่อจะอยู่ที่ปีละ 10% ในปี 2566-67 การเติบโตของอุปทานน่าจะแซงหน้าการเติบโตของ GDP โลกที่ 3-4% ต่อปี และจะทำให้ดัชนี SCFI ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป


คงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 44.50 บาท (จากเดิม 42 บาท) จากการปรับเพิ่มประมาณการกำไร สะท้อนความไม่ชัดเจนที่มากขึ้นต่อแนวโน้มค่าระวางเรือจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง จำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและ OPEX ที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เป้า P/BV ของฝ่ายวิจัยต่ำกว่าของคู่แข่งทั่วโลกของ RCL ที่อยู่ที่ 1.3 เท่า


ส่วน 2 หุ้นแม่ลูกอย่าง STA และ STGT โดย STA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า คงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ของ STA ที่ 4,998 ล้านบาท ลดลง 71.0% จากปีก่อน แนะน“ซื้อ” คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 30.00 บาท (อิงวิธี SOTP ได้มูลค่าจากธุรกิจ NR 19.00 บาท และธุรกิจถุงมือยาง 11.00 บาท) และราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำ เพียง 6.4 เท่า


STGT นักวิเคราะห์ค่ายเดียวกันประเมินว่า คาดแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/65 ของ STGT จะยังชะลอต่อจากไตรมาสก่อน แต่ในอัตราที่ลดลง แม้ปริมาณขายคาดสูงขึ้นต่อจากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่และ Demand ในต่างประเทศยังแข็งแกร่ง แต่จะยังไม่สามารถชดเชยราคาขายเฉลี่ยที่คาดจะปรับลงอีกราว 5–10% ได้ โดยคาดหวังราคาขายถุงมือยางจะเริ่มทรงตัวตั้งแต่ครึ่งหลังปี 65 เป็นต้นไป โดยปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ของ STGT ลง 62.3% และ 61.8% เป็น 3,518 ล้านบาท และ 4,265 ล้านบาท ตามลำดับ แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมายที่ 18.00 บาท


ต่อมา TTA บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเป็น 14.80 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ” โดยได้ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นเป็น 3,641 ล้านบาท จากการปรับค่าระวางเรือขึ้น เป็นหลักจากแนวโน้ม FFA ที่ยังดี แต่ธุรกิจเดินเรือจะมีความผันผวนมากขึ้น จึงปรับไปใช้วิธี P/B เฉลี่ย 3 ปี +1.5 SD หรือ 0.97 เท่า


BCP บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาทโมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/65 คาดยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจากค่าการกลั่นที่เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน หนุนธุรกิจโรงกลั่นยังโดดเด่น ขณะที่ธุรกิจปั๊มน้ำมันคาดทยอยฟื้นตัวตามการ Reopening หนุนปริมาณขายกลับมาเติบโต


ขณะที่คาดกำไรปกติปี 2565 เติบโตแรง 101% จากปีก่อน จากฐานต่ำปีก่อน ขณะที่ Valuation ยังถูก ปัจจุบันเทรด PER เพียง 6.6 เท่าและ PBV 0.8 เท่า ต่ำกว่าช่วงก่อน COVID-19


BANPU บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมใหม่ 16.10 บาท มองแนวโน้มไตรมาส 2/65 คาดขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากราคาถ่านหิน – ก๊าซสูงขึ้นมากทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า มองข้ามไปครึ่งหลังปี 65 คาดกำไรยังอยู่ระดับดีจากการรับรู้ยอดขาย XTO Energy (ปิดดีลภายในเดือนมิ.ย.) และราคาถ่านหินยังอยู่ระดับสูงแม้ว่าสถานการณ์รัสเซียจะคลายตัวลง


คาดเงินปันผลสูง 6-7% และมีสตอรี่ Spin-off บริษัทลูกในอนาคต แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 16.10 บาท คาด Earnings deliver ที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/65 จะเริ่มสร้างความมั่นใจให้ตลาด และราคาหุ้นจะสะท้อนความแข็งแกร่งของราคาพลังงานได้ดีขึ้น


SPALI บริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คงราคาเป้าหมาย 25.75 บาท ถึงแม้คงคำแนะนำ BUY จากคุณภาพของกำไรสุทธิปี 65-66 ยังดีและคาดปันผลสูงราว 5.8-6.1% บนความเสี่ยงที่ยังต่ำกว่ากลุ่มฯ แต่จากแรงกดดันของการนำหุ้นซื้อคืนทยอยขายในตลาด ซึ่งปัจจุบันเหลือสูงถึงราว 192 ล้านหุ้น และกำหนดระยะเวลาขายคืนที่นานถึง ก.ค. 66 อาจเป็นแรงกดดันต่อการขึ้นของราคาหุ้นอยู่เป็นระยะ


PTTGC บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 49% จากปีก่อน งแนะ TRADING เอาไว้ก่อน เนื่องจากระยะสั้นหุ้นยังไม่มี Catalyst บวกและงบครึ่งปีแรก 65 ไม่โดดเด่น และราคาเหมาะสม 58.00 บาท เชิง Valuation ราคา ณ ปัจจุบันหุ้นซื้อ ขายบน PBV ที่ 0.6 เท่า นับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยมากกว่า -2.00 SD ทำให้ราคาหุ้นมี Downside จำกัด


BCH บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ทางฝ่ายจะปรับประมาณการลงจากเดิมจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ใน 2Q65 ไม่สูงอย่างที่คาดไว้ แต่จากแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และรายได้ช่วงที่เหลือของปีจะโตจากรายได้ Non COVID-19 จาก Pend-Up demand, การรับรู้รายได้จากรพ. ใหม่ ทำให้คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 24.20 บาท


ESSO บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า พร้อมทั้งปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 14.10 บาท จากเดิมที่ 12.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 6.5 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และกำไรที่กลับสู่ระดับปกติในปี 2566


นอกจากนี้ ยังคงคำแนะนำซื้อ และยังคงเลือก ESSO เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากมองบวกกับแนวโน้มตลาดโรงกลั่น จากอุปทานผลิตภัณฑ์จากการกลั่นที่ตึงตัวขึ้นยุโรปเพราะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงมากซึ่งน่าจะมากกว่า 10% ในปี 2565 ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน

 

 

 

 


บุปผาวดี