WHA กับยุทธศาสตร์การลงทุนระดับภูมิภาค
จากสงครามการค้า สู่โอกาสทองแห่งภูมิรัฐศาสตร์
ในช่วงที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการ “แบ่งขั้วเศรษฐกิจ” หรือ Decoupling อย่างเป็นทางการ บริษัทที่มีบทบาทใน Supply Chain ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง WHA Group กำลังยืนอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ไทย vs เวียดนาม: ศึก FDI ใครได้เปรียบ?
ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในเอเชีย ไทยกลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์โดยตรง
โดยอัตราภาษีนำเข้าของไทยที่ 19% นั้น แม้จะไม่ต่ำมาก แต่ก็ “ยอมรับได้” ในสายตานักลงทุน เมื่อเทียบกับเวียดนามที่ต้นปีเจอภาษีสูงถึง 46% ทำให้ FDI ของเวียดนามหายวับไปกว่า 50% ในครึ่งปีแรก
ในทางกลับกัน FDI ของไทยในช่วงครึ่งปีแรกพุ่งแตะ 700,000 ล้านบาท ใกล้เคียงตัวเลขทั้งปี 2023 (800,000 ล้านบาท) แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมาอย่างจริงจัง
แม้เวียดนามจะเริ่มปรับลดภาษีลงเหลือ 20% และยังคงมี ศักยภาพระยะยาว ที่ดีจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและ GDP โตเฉลี่ย 8% แต่ในระยะสั้น ไทยดูจะได้เปรียบทั้งด้าน ความต่อเนื่องของนโยบาย และ โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับได้ดีกว่า
ยุค AI + Data Center: ไทยคือจุดหมายใหม่ของเทคยักษ์โลก
สิ่งที่น่าสนใจคือในช่วงครึ่งปีแรก 2566 การลงทุนจากกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Data Center ไหลเข้าสู่ประเทศไทยมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญคือ:
• การมาถึงของ Super Cable ลดต้นทุนอินเทอร์เน็ต
• สิงคโปร์มี นโยบายชะลอการอนุมัติ Data Center ใหม่
• กฎหมาย Cloud แห่งชาติ ที่บังคับให้ต้องตั้งศูนย์ข้อมูลในไทย
• ความต้องการประมวลผลในยุค AI/LLM ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น Amazon, Google, Huawei ต่างเลือกไทยเป็น Regional Hub แห่งใหม่ในอาเซียน
WHA ตัวจริงด้าน Infrastructure
ที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
WHA Utilities and Power (WUP) บริษัทลูกของ WHA คือผู้ให้บริการน้ำหลักในนิคมอุตสาหกรรม
โดย Data Center รุ่นใหม่ระดับ Hyperscale ใช้น้ำสูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไป ถึง 10 เท่า
WUP จึงได้ทั้งรายได้จากค่าน้ำ, ค่าใช้เกิน (Excessive Charge), ไปจนถึงโอกาสขายไฟฟ้าจากโซลาร์และระบบ Captive Power
ซึ่งหากแผนในอนาคตในการพัฒนา Small Modular Reactor (SMR) ประสบความสำเร็จ WHA จะเป็นรายแรกที่มีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กรองรับนิคมในประเทศ
นักลงทุนจีนยังแรงต่อเนื่อง
จากนโยบาย China Plus One ที่เริ่มตั้งแต่สงครามการค้า 2018
ลูกค้าจีนคิดเป็น 60-70% ของยอดขายที่ดิน WHA ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ขึ้นแท่นอันดับ 1 แทนที่ญี่ปุ่น (ที่ลดเหลือ 19-20%)
เทรนด์นี้ยังไม่หยุด และน่าจะเร่งตัวจากการเปลี่ยนแปลงของจีนเองที่พยายาม “ออกนอกประเทศ” ในหลายอุตสาหกรรม เช่น EV, Semiconductor และ Consumer Electronics
WHA กับแผนขยายเวียดนาม + ภูมิรัฐศาสตร์
แม้ไทยได้เปรียบในหลายมิติ แต่ WHA ไม่ได้ละเลยเวียดนาม โดยมีแผนเพิ่มนิคมจาก 1 แห่งเป็น 5 แห่งในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
ในขณะเดียวกันไทยยังได้เปรียบจาก Local Content สูงถึง 35–40% เทียบกับเวียดนามที่มีเพียง 15–20%
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในเงื่อนไขการย้ายฐาน (Transhipment) 40% ที่หลายบริษัทให้ความสำคัญ
งบดี ปรับพอร์ตแกร่ง
ครึ่งปีแรก 2566 WHA ทำกำไรเติบโตกว่า +20% YoY แม้ยอดโอนที่ดินจาก JV จะลดลง แต่ยอดขายจากธุรกิจที่บริษัทถือเอง 100% กลับโตแรง
EBITDA Margin ครึ่งปีอยู่ที่ 52% สูงกว่าเป้าเดิมที่ 45% สะท้อนความสามารถทำกำไรสูง
บริษัทยังมีแผนขายสินทรัพย์เข้า REIT มูลค่า 1,500 ล้านบาท และบริหารพอร์ตให้สมดุลระหว่างรายได้ประจำ (เช่า) และรายได้พิเศษ (ขาย)
บทสรุป: WHA ในยุค Decoupling
โลกกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากทั้ง Trade War, AI Disruption, การจัดกลุ่มเศรษฐกิจแบบใหม่
ท่ามกลางความไม่แน่นอน WHA กลับอยู่ในจุดที่ “เกาะทั้งสองฝั่ง” ได้ ทั้งจีน สหรัฐฯ และประเทศเพื่อนบ้าน
บริษัทมีฐานลูกค้าหลากหลาย ได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น และยังบริหารพอร์ตได้สมดุลในเชิงกลยุทธ์
WHA อาจไม่ใช่หุ้นหวือหวา แต่หากคุณเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานคือหัวใจของยุคเปลี่ยนผ่าน WHA ก็อาจเป็นหนึ่งใน “หุ้นโครงสร้าง” ที่ควรถูกติดตามมากที่สุดในอาเซียนตอนนี้
ที่มา. หุ้นพอร์ทระเบิด