ข่าวร้ายที่เฟดยังไม่ได้แจ้งทุกคน !!!
หนึ่งในเรื่องที่ท่านประธานเฟดไม่พยายามพูดให้ชัด หรือเลี่ยงที่จะไม่ตอบในช่วงที่ผ่านมา
คือ "ดอกเบี้ยเฟดต้องขึ้นไปสูงเท่าไร"
ทุกครั้งที่ถูกถาม ก็จะบอกเพียงว่า
จะพยายามกลับไปที่ Neutral Rate Zone หรือ อัตราที่ไม่กระตุ้นและไม่ชะลอเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดคิดว่าอยู่ที่ประมาณ 2-3%
ล่าสุด บอกเพิ่มเติมว่า เฟดจะวิ่งกลับไปจุดดังกล่าว "โดยเร็ว"
ครั้นพอถูกถามต่อว่า หลังจากนั้น จะต้องขึ้นไปอีกแค่ไหน
คำตอบที่ได้คือ "เท่าที่จำเป็น ตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจ"
"จะขึ้นไปให้สูงพอ ที่เงินเฟ้อลดลงมา"
ทำให้ตลาดเกิดความคลุมเครือในเรื่องนี้
เพราะที่ทุกคนอยากรู้คือ ที่ว่าสูงพอ มันคือเท่าไรกัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะมีนัยยะกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าเงิน (ที่กำลังปั่นป่วน) ราคาสินทรัพย์ต่างๆ (ที่กำลังตกลง) ต้นทุนธุรกิจ ต้นทุนกู้ยืมในการซื้ออสังหา (ที่กำลังเพิ่มขึ้น) ซึ่งจะนำไปสู่ การล้มของบางธุรกิจ NPL การเกิด Recession หรือแม้กระทั่งการเกิดวิกฤตใน Emerging Markets
ซึ่งเรื่องสุดท้าย เรากำลังได้ยินถึงกรณีที่บางประเทศ เริ่มเข่าอ่อน มีแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องไปปรึกษาคุณหมอ IMF
เท่าที่พูดกันไว้ เฟดบอกว่า "ปีนี้จะขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้ง"
อย่างน้อยครั้งละ 0.25% และมีครั้งที่เป็นก้าวใหญ่ 0.5% อย่างน้อย 3-4 ครั้ง
หมายความว่า ในกรณี Baseline (เป็นไปตามเฟดตั้งใจ ไม่มี 0.75% แต่ต้องจัดการเงินเฟ้อโดยปีนี้ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สี่ครั้งแทน) ดอกเบี้ย นโยบายสหรัฐปีนี้จะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป
โดยในการประชุมครั้งต่างๆ Fed Fund จะอยู่ที่
ครั้งที่ 1 (มกราคม) => 0.0-0.25% (ไม่ขึ้น)
ครั้งที่ 2 (มีนาคม) => 0.25-0.5% (ขึ้น 0.25%)
ครั้งที่ 3 (พฤษภาคม) => 0.75-1.0% (ขึ้น 0.5%)
ครั้งที่ 4 (มิถุนายน) => 1.25-1.5% (ขึ้น 0.5%)
ครั้งที่ 5 (กรกฏาคม) => 1.75-2.0% (ขึ้น 0.5%)
ครั้งที่ 6 (กันยายน) => 2.25-2.5% (ขึ้น 0.5%)
ครั้งที่ 7 (พฤศจิกายน) => 2.5-2.75% (ขึ้น 0.25%)
ครั้งที่ 8 (ธันวาคม) => 2.75-3.0% (ขึ้น 0.25%)
ตามตำรับยาชุดนี้ (ชุดแรงกลางๆ) ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะกลับไปที่ช่วงล่างของ Neutral Rate Zone ตามที่เฟดตั้งใจ ในระยะเวลาอีกประมาณ 4 เดือน คือ เดือนกันยายน
ในช่วงกลางธันวาคม จะทะลุขึ้นไปสู่ด้านสูงของช่วง Zone ดังกล่าว ที่ 2.75-3.0%
ซึ่งตามเส้นทางนี้ หมายความว่า การกำจัดแรงกระตุ้นจากดอกเบี้ย ก็จะจบลุล่วงตามที่เฟดตั้งใจ ภายในปีนี้
แต่โค้งสำคัญที่สุด จะไปอยู่ที่ปีหน้า 2023
อย่างที่บอกไปแล้ว ทุกคนมีคำถามว่า "จะต้องขึ้นไปอีกเท่าไร"
เพราะการที่ท่านประธานเฟดบอกว่า "หลังจากนั้นจะขึ้นไปเท่าที่จำเป็น" ทุกคนก็ไปต่อไปไม่ถูก
เพื่อตอบคำถามในเรื่องนี้ ขอนำรูปเงินเฟ้อและดอกเบี้ย Fed Fund ในอดีตของสหรัฐมาเทียบให้ดู
ช่วงที่ผ่านมา เฟดขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อเป็นระยะๆ โดยมีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ประมาณ 2.0%
การขึ้นดอกเบี้ยรอบปี 2015-19 จบที่ 2.25-2.5%
การขึ้นดอกเบี้ยรอบปี 2004-06 จบที่ 5.25%
การขึ้นดอกเบี้ยรอบปี 1999-2000 จบที่ 6.5%
ที่ต่างกันใน 3 รอบนี้ ก็เพราะ รอบสุดท้ายเงินเฟ้อยังไม่ได้เป็นปัญหา ไม่น่าแปลกใจพอขึ้นไปที่ Neutral Rate Zone ก็จบรอบ
แต่ในรอบก่อนหน้า 2004-06 เงินเฟ้อขึ้นไปที่ประมาณ 3-4% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขึ้นไปสูงสุดที่ 2.9%ในบางเดือน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่เฟดมีอยู่ในใจที่ประมาณ 2.0%
เฟดจัดการโดยขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปจนจบรอบที่ 5.25% !!!
ในรอบปี 1999-2000 ที่เงินเฟ้อขึ้นไปที่ 2.7-3.4% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขึ้นไปสูงสุดที่ 2.8% ในบางเดือน เฟดก็เดินหน้าจัดการเช่นกัน โดยขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปจบรอบที่ 6.5%
ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนให้กับรอบนี้ ที่เป็นสงครามเฟดกับเงินเฟ้อครั้งแรกใน 2 ทศวรรษ
เพราะขณะนี้ เงินเฟ้ออยู่ที่ 8.5% เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 6.5%
ต่อให้เฟดมองสวย ว่าจะค่อยๆ ลดลงมา
โดยเงินเฟ้อจะไม่ค้างเติ่งที่ 8-9% เงินเฟ้อพื้นฐานไม่ค้างที่ 6-7%
เนื่องจากเงินเฟ้อเป็นผลมาจาก Supply Shock ที่จะผ่านไปเองใน 12 เดือน
แต่สำหรับส่วนตัวแล้วคิดว่า ในกรณีที่ดีที่สุด เงินเฟ้อและเงินเฟ้อพื้นฐานจะลงมาเอง ก็คงได้ที่ประมาณ 3-4% และ 3% ตามลำดับ
หลังจากนั้น เฟดก็ต้องออกแรง จัดการกับปัญหา "เงินเฟ้อฝังรากในระบบ"
ถ้าเป็นเช่นนี้ จากบทเรียนรอบปี 2004-06 และ 1999-2000 หมายความว่า ดอกเบี้ยนโยบายเมื่อกลับไปที่ Neutral Rate Zone ที่ 2-3% แล้ว ยังไปได้อีกพอสมควร ในปีหน้า
และที่ทุกคนคาดกันว่า จะไปจบรอบที่ 3.5-4.0%
ท้ายสุดแล้ว อาจจะน้อยไป !!!
เพราะรอบก่อนหน้า เงินเฟ้อขึ้นไปไม่มาก เฟดก็เอาดอกเบี้ยขึ้นไปถึง 5.25%
รอบนี้ ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงกว่ารอบก่อนหน้ามาก ไม่มีสาเหตุที่เฟดจะใช้ยาที่เบา
ทั้งหมดจะขึ้นกับทิศทางเงินเฟ้อใน 12 เดือนข้างหน้า ว่าจะประพฤติตัวดี ในสายตาเฟดหรือไม่
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะออกมาเย็นนี้ จะช่วยให้เราเห็นภาพได้ชัดขึ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
โลกสวยของเฟด จะเกิดขึ้นหรือไม่?
มาลุ้นกันครับ
เพราะถ้า "ไม่" ก็หมายความต่อไปว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดรอบนี้ จะจบที่สูงพอสมควร และนี่คือ ข่าวร้ายที่เฟดยังไม่แจ้งทุกคน !!!