ผลประกอบการไตรมาส 4/60 เป็นแรงส่งให้ตลาดไปต่อ
ตลาดหุ้นบ้านเราสงสัยไปได้ยาดีอะไรมามาถึงดูคึกคักเสียเหลือเกิน ดัชนีมีการขยับปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง โดยดัชนีมีการปรับตัวยืนเหนือ 1,800 จุดขึ้นมาได้ ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ราวกับหนังหนังแอ็กชั่นกระตุ้นอารมณ์ของนักลงทุน ทั้งนี้ด้วยโมเมนตั้ม จากทิศทางของนักลงทุนส่วนใหญ่ทั้งโลกต่างมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น จึงสะท้อนออกมาให้เห็นในตลาดหุ้นต่างๆที่พากันขึ้นยกแผงรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
หากหันมามองถึงปัจจัยภายในของเราคงต้องเน้นไปถึงเรื่องของการคาดการผลประกอบการไตรมาส 4/60 และของปี 60 ที่จะทยอยประกาศออกมาหลังจากนี้มากที่สุด เพราะเห็นได้จากมีการเข้าซื้อเก็บในหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานน่าจะออกมาดีให้ได้ลุ้นกัน ที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นหุ้นกลุ่มธนาคารที่กำลังจะมีการทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมาเป็นกลุ่มแรก ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างก็มีมุมมองที่ดีเป็นเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของแบงก์ในปีที่ผ่านมา แม้จะมีแรงกดดันจากปัญหาเรื่องของการต้องตั้งสำรองหนี้ฯที่สูงกว่าปรกติจนกระทบต่อผลกำไรของแบงก์ก็ตาม แต่ด้วยราคาของหุ้นกลุ่มแบงก์นี้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันยังต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังคาดการณ์ในปี 61 นี้ผลประกอบการจะออกมาดีกว่าปี 60 ที่ผ่านมาแน่ จึงไม่แปลกที่ได้เห็นแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างหนาแน่นในตัวของกลุ่มแบงก์อย่างที่เห็นกันอยู่
เมื่อเป็นเช่นนี้เราคงจะได้เห็นการปรับเป้าหมายดัชนีขึ้นไปอีก รวมถึงราคาหุ้นเป้าหมายในกลุ่มต่างๆด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นบลูชิพทั้งหลาย ดังนั้นการลงทุนในรอบนี้หุ้นขนาดใหญ่จึงดูมีดีมีเสน่ห์น่าสนใจกว่าหุ้นขนาดเล็ก การพูดถึง การวิเคราะห์จึงเน้นและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปในหุ้นกลุ่มนี้เป็นหลัก จึงไม่แปลกที่การลงทุนรอบนี้เราต้องพัวพันกับหุ้นใหญ่เป็นหลักไว้ก่อน จึงน่าจะมีผลตอบแทนมีกำไรกันได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องจับจังหวะเข้าลงทุนให้ถูกทิศถูกทาง ห้ามไล่ซื้อไล่ราคาในระดับที่สูงเกินพื้นฐานหรือมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นๆโดยเด็ดขาดนะครับ
หลังจากนี้ที่บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศผลการดำเนินงาน คาดว่าหลายๆบริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี มีผลกำไรเพิ่มขึ้น ถึงแม้บางบริษัทกำไรอาจจะลดลงบ้างแต่ก็ยังส่งสัญญาณที่ดีต่อได้ในอนาคต จะมีก็เพียงบางบริษัทเท่านั้นที่มีแต่ข่าวว่าจะทำอย่างโน้น ไปลงทุนโน่นลงทุนนี่แต่พอประกาศผลการดำเนินงานออกมาเท่านั้นก็วงแตกถึงบางอ้อว่าเป็นเพียงเรื่องเล่า ข่าวสร้างแต่เนื้อแท้นั้นไม่มีอะไรเลยจึงสะท้อนออกมาในผลการดำเนินงานนั่นเอง เพราะฉะนั้นการเลือกหุ้นลงทุนในขณะนี้ควรต้องเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีพีอีต่ำ ยิ่งมีปันผลด้วยยิ่งดี แถมราคาในตอนนี้ก็ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของตัวหุ้น มีการเติบโตของธุรกิจในอนาคตที่ดี สิ่งสำคัญเราจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าหาหุ้นดังกล่าวให้เจอและสามารถพิจารณาไตร่ตรองจนรู้ถึงเนื้อแท้ของธุรกิจบนสมมุติฐานที่เป็นไปได้ มีเหตุมีผลรองรับ แล้วค่อยเข้าทยอยสะสมเก็บหุ้น
การลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีจึงเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่จะทำให้ร่ำรวยได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับไม่มีใครเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ในตลาดหุ้นมีหุ้นพื้นฐานดีๆ ที่บริษัทเติบโต ธุรกิจมียอดขาย รายได้โตและสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มีปันผลงามตลอด หุ้นแบบนี้ที่น่าซื้อน่าลงทุน หากตลาดมีข่าวร้าย ก็แค่ซื้อแล้ว แล้วอดทนรอคอยเพื่อผลสำเร็จที่ดีในอนาคตต่อไป แต่ส่วนใหญ่ไม่ทำกัน เพราะทุกคนมองเหมือนกันว่าวิธีนี้รวยช้าไป สุดท้ายก็ไปติดหุ้นปั่นกันจึงเป็นที่เล่าขานถึงแมลงชนิดหนึ่งที่ชอบเข้าเล่นกองไฟทั้งที่รู้ว่ามันร้อนและอาจทำให้ตายได้ก็ยังเข้าไปเล่น สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าแมลงเม่า จึงเกิดขึ้นในตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน
จากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอด ตลาดหุ้นนั้นอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นแหล่งที่นักลงทุนสามารถตักตวงผลประโยชน์จากการลงทุนได้อย่างมหาศาล เพราะว่า ตลาดหุ้นยังคงเป็นแหล่งระดมทุนและแหล่งลงทุนที่เป็นกลไกที่สำคัญอย่างหนึ่งต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็กำลังเดินหน้าก้าวเข้าสู่การพัฒนาที่เติบโต ด้วยองค์ประกอบที่มีจะเกิดขึ้นจากความพร้อมทั้งทางด้านภูมิประเทศ เป็นแหล่งวัตถุดิบ มีสังคมที่เข้มแข็ง และการเมืองที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสู่ความมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นตัวชี้วัดถึงความก้าวหน้าการพัฒนาของประเทศไทยจากนี้สู่อนาคตที่ดีได้ ฉะนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จกับตัวของนักลงทุนเองได้เช่นกันครับ