ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดโผ 3 หุ้นโรงพยาบาล ตัวเต็ง!

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
286 views

เปิดโผ 3 หุ้นโรงพยาบาล ตัวเต็ง!

รับผลบวกประกันสังคมเพิ่มค่ารักษาอีก 10%

 

.

นอกจากการพิจารณาการกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 อัตราใหม่แล้ว สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ยังเตรียมปรับค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลในเครือประกันสังคมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นผลบวกโดยตรงกับหุ้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าประกันสังคมค่อนข้างมาก

.

โดยนักวิเคราะห์บล.กรุงศรี ระบุว่า สำนักงานประกันสังคมเตรียมปรับค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม ซึ่งปกติจะมีสัญญาปรับค่ารักษาทุกๆ 2 ปี โดยเฉพาะค่ารักษาแบบเหมาจ่ายรายหัว เบื้องต้นน่าจะปรับขึ้นประมาณ 8-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,640 บาทต่อคน เป็น 1,790 บาทต่อคน

.

ดังนั้นคาดเป็น Sentiment บวก และเพิ่ม upside โดยตรงต่อโรงพยาบาลที่มีรายได้จากกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเป็นรายได้ เช่น RJH หรือ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน), BCH หรือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) และ CHG หรือ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน)

.

ทีมข่าว Wealthy Thai ได้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน http://www.set.or.th พบว่า RJH สิ้นปี 2565มีจำนวนผู้ประกันตนมากกว่า 212,600 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 48% ของรายได้กิจการโรงพยาบาลทั้งหมด ถัดมา BCH งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีจำนวนผู้ประกันตนอยู่ที่ 994,287 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 33.3% ของรายได้กิจการโรงพยาบาลทั้งหมด และ CHG งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีจำนวนผู้ประกันตนอยู่ที่ราว 499,694 ราย (อ้างอิงข้อมูลจากสื่อสารองค์กร CHG)

.

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานของ RJH บล.กสิกรไทย ระบุว่า ผลกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาดและแนวโน้มการดำเนินงานที่อ่อนแอในตรมาส 4/2565 น่าจะส่งผลลบต่อราคาหุ้น ขณะที่เงินปันผลครึ่งหลังปี 2565 ไม่น่าช่วยหนุนราคาหุ้น ทั้งนี้ RJH จะจัดการประชุมนักวิเคราะห์ทางออนไลน์ในวันที่ 28 ก.พ. 2566 เวลา 10.00 น.

.

ด้าน upside risk คาดจะมาจากการลงทุนใหม่ การขึ้นค่ารักษาของประกันสังคมและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งกว่าคาดจากกลุ่มคนไข้ข้าราชการ ขณะที่ downside risk คาดจะมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอกว่าคาดในจังหวัดอยุธยาและการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่คาดไว้

.

โดยฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ "ถือ" ให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 28.30 บาท แบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจโรงพยาบาลที่ 27.10 บาท และมูลค่าการถือหุ้น 1% ใน RAM ที่ 1.2 บาท อิงจากราคาลงทุนที่ 28.2 บาท ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิเคราะห์สะท้อน PER ที่22.3 เท่า ในปี 2567 ต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 6 ปี ที่ 24.0 เท่า และสะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 3.9% ในปี 2566 นอกจากนี้ การวิเคราะห์ความอ่อนไหวพบว่า ทุกๆ การเพิ่มขึ้น 1 ของอัตราค่ารักษาพยาบาลประกันสังคม จะสร้างมูลค่าเพิ่ม 0.7 บาท ต่อ 1 หุ้น RJH (2.5% ของราคาเป้าหมาย)

.

ถัดมา BCH บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/65 จะชะลอตัวลงทั้งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากรายได้เกี่ยวกับการให้บริการ Covid-19 ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนลดลง ประเมินภาพรวมปี 2565 มีกำไรปกติที่ 3,182 ล้านบาท ลดลง 40% จากปีก่อน

.

ขณะที่แนวโน้มปี 2566 คาดกำไรปกติที่ 2,202 ล้านบาท ลดลง 46% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากฐานสูง รายได้จาก Covid-19 ที่หายไป หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมรายได้เกี่ยวกับ Covid-19 มองว่าผลประกอบการจะเติบโตดีจากปีก่อน ซึ่งมาจากทั้งกลุ่มเงินสด จาก pent up demand และกลุ่มประกันสังคม จากฐานผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น

.

รวมถึงการกลับมาของคนไข้ต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนราว 15% ของรายได้รวม เนื่องจากรับผลบวกจากการเปิดประเทศ ทั้งนี้ คงมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 23.70 บาท ด้วยราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นจนเหลือ Upside ที่ลดลง จึงปรับคำแนะนำจากเดิม ซื้อ เป็น เก็งกำไร

.

สุดท้าย CHG บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ประเมินกำไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 404 ล้านบาท ลดลง 76% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบจากไตรมาส 3/64 เป็นผลจากฐานต่ำ เนื่องจาก 1. ในไตรมาส 3/65 มีโบนัสครั้งเดียว 80 ล้านบาท และ 2. การตัดจาหน่ายวัคซีนหมดอายุในไตรมาส 3/65 ไม่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้จนกว่าจะถึงไตรมาส 4/65 (ผลกระทบทางภาษี 20 ล้านบาท)

.

นอกจากนี้อาจมีรายได้เพิ่มเติมจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท เนื่องจากงบประมาณปี 2564 ยังไม่ได้ใช้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักปี 2565 ลงเหลือ 2,897 ล้านบาท โดยการลด EBITDA margin ลง 0.7 ppt เป็น 39.5% เนื่องจากรายได้จาก Covid-19 ที่ทำกำไรได้ลดลงเร็วกว่าที่คาดเหลือเพียง 1-2% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 4/65

.

สำหรับปี 2566 คาดว่าสถานการณ์ Covid-19 จะดีขึ้น ส่งผลให้ขาดรายได้จากส่วนดังกล่าวตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่กำไรหลักอาจลดลง 52% เหลือ 1,388 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 4.40 บาท

 

 


บุปผาวดี