ชู “หุ้นเอเชีย” เด่นรับศก.ปี23 ‘ขยายตัว’ สวนศก.โลก...
ส่วน “หุ้นเทคฯ” ได้ไปต่อ-มีสัญญาณฟื้นตัวรับ ‘Bond Yield’ ลงปีหน้า !!!

.
Fun of Funds: ปี22 นี้ เป็นปีที่ทั้งโลกเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ ไปจนถึงโอกาสในการเกิด “เศรษฐกิจถดถอย” (Recession)
.
คาดว่าฝั่ง “สหรัฐ” และ “ยุโรป” จะเป็น 2 ภูมิภาคที่เข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023 แต่ “เอเชีย” อาจต่างออกไป โดย “ธนาคารแห่งประเทศไทย” (BOT) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะขยายตัวได้ประมาณ 4% ในปีหน้า สวนทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
.
ในขณะที่ “ตลาดหุ้นสหรัฐ” เองก็อาจมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงได้อีกหากมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงร้อนแรงและคาดเดาได้ยาก
.
มองไปในปีหน้า “หุ้นเอเชีย” จึงเป็นพิกัดการลงทุนที่น่าสนใจ รวมถึง “หุ้นเทคฯ” และ “หุ้น Healthcare” ที่มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นช่วงตลาดหุ้นโดยรวมไม่สู้ดีนักอีกด้วย
.
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรนั้น ตามทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthythai’ ไปอัพเดทมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจพรอ้มกันได้เลย
.
ปี23 “หุ้นเอเชีย” โดดเด่น “จีน-ไทย” 2 ปท. ศก.ขยายตัว...ท่ามกลางศก.โลกชะลอตัว
.
โดย “นาวิน อินทรสมบัติ” Chief Investment Officer บลจ.กสิกรไทย บอกว่า ในปี23 “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” (IMF) มอง “ไทย” และ “จีน” เป็น 2 ประเทศในเอเชียที่ GDP จะขยายตัวสูงขึ้นในปีหน้า โดยฝั่ง “จีน” เริ่มผ่อนคลายการควบคุม COVID-19 มีแนวโน้มว่าจะเปิดประเทศในปีหน้า และมีการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดย IMF คาดการณ์ว่า GDP ของจีนอาจขยายตัวสูงถึง 4.4% ในปี23 ส่วน “ไทย” จะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวในประเทศอีกมาก โดย “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) มองว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 18 ล้านคนในปีหน้า คาดสร้างรายได้กว่า 971,790 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช้อปดีมีคืน, เราเที่ยวด้วยกัน ไปจนถึงแผนการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในช่วงไตรมาส1/23
.
ส่วน “เวียดนาม” ที่ผ่านมาเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงหลังจะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ภายในประเทศ ทั้งความกังวลในภาคอสังหาฯ และธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่เวียดนามก็ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน และมีปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาว เช่น จำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน และการเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลก
.
“ด้วยนโยบายเศรษฐกิจในประเทศแถบเอเชียที่เริ่มผ่อนคลาย การทยอยเปิดประเทศนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตไปในเชิงบวกในระยะยาว ทำให้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียมีความน่าสนใจและเป็นภูมิภาคที่ยังน่าสนใจลงทุนในปี23 ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในปีหน้า”
.
ชี้ ปี23 “หุ้นสหรัฐ” เสี่ยงปรับฐานอีกรอบ...ชู “หุ้นเทคฯ” & “หุ้น Healthcare” โอกาสสร้างผลตอบแทนเด่น
.
ในเดือนพ.ย. “ตลาดหุ้นสหรัฐ” อย่างดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวขึ้นมาราว 12% จาก “จุดต่ำสุด” ของปีนี้ที่เกิดขึ้นในเดือนต.ค. โดยตลาดหุ้นปรับขึ้นมารับข่าวตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด และ “ธนาคารกลางสหรัฐ” (Fed) ออกมาส่งสัญญาณว่า ในการประชุมเดือนธ.ค.22 นี้จะเริ่มชะลอความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยลงจาก 75 bps ต่อการประชุม ลงเหลือ 50 bps
.
อย่างไรก็ตาม “คมศร ประกอบผล” หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) มองว่า ปี23 นักลงทุนอาจเทขายหุ้นอีกรอบ เพราะอัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะยังค้างสูงเกินกว่าระดับ 4%
.
ห่างไกลจากเป้าหมายของ Fed ที่ 2% อยู่มาก นอกจากนั้น การเปิดประเทศของจีนในปีหน้าอาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้ Fed จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยไปให้ถึงระดับ 5% หรือมากกว่าและคงดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปตลอดทั้งปีเป็นอย่างน้อย จึงอาจเป็นปัจจัยลบที่ทำให้นักลงทุนที่คาดว่าจะได้เห็น Fed กลับมาลดดอกเบี้ยในได้ในช่วงปลายปีหน้าผิดหวังและเกิดการเทขายหุ้นได้อีกระลอก
.
ส่วน การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ “หุ้นสหรัฐ” ในเดือนพ.ย. ได้สะท้อนข่าวดีจากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปมากแล้ว เพราะในอดีตตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P 500) จะฟื้นตัวขึ้นเฉลี่ย 12% ในช่วง 6 เดือนหลัง Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. 22 ดังนั้น มองว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนข่าวดีเรื่องการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.22 และการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าไปมากแล้ว
.
“สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น สามารถรอจังหวะเข้าทยอยสะสมอีกครั้งเมื่อดัชนี S&P 500 ลงมาต่ำกว่า 3,600 จุด โดยเน้นลงทุนในหุ้น ‘กลุ่มเฮลธ์แคร์’ (Healthcare) ที่กำไรไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจและโตได้ในระยะยาว และ ‘หุ้นเทคโนโลยี’ ที่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก และมีแนวโน้มฟื้นตัวในภาวะที่ Bond Yield เป็นขาลงในปี23”
.
ใครมองหาโอกาสลงทุนใน “หุ้น” รับปี23 อยู่นั้น เชื่อว่าทั้ง 3 ธีม “หุ้นเอเชีย”, “หุ้นเทคฯ” และ “หุ้น Healthcare” จะเป็นทางเลือกที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับพอร์ตของคุณได้ไม่มากก็น้อย หรือจะลงทุนผ่านกลุ่ม “กองทุนประหยัดภาษี” RMF-SSF ปลายปีนี้ก็ทำได้เช่นเดียวกัน