โดยส่วนใหญ่แล้ว เดือน กันยายน-ตุลาคม จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นค่อนข้างอ่อนแอ เพราะการเข้าซื้อมักจะหนักไปทางปลายปีหรือต้นปีมากกว่า สำหรับในปีนี้ ก็จะมี Event สำคัญเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นแน่นอน
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ และการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
สหรัฐจะประกาศ ตัวเลขตลาดแรงงาน ในวันศุกร์ที่ 2 ก.ย. นี้เลย ไม่ว่าจะเป็น Non-farm Payroll หรือ Unemployment Rate ซึ่งหากออกมาดี อาจกลายเป็นข่าวร้ายต่อตลาดหุ้นคือ โอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว จะมีสูงขึ้น โดย Fed จะประชุมในวันที่ 21 ก.ย.
การประชุม ECB วันที่ 8 ก.ย.
คาดการณ์กันว่า อาจจะมีการขยายเวลาโครงการ QE ออกไปจากเดิมสิ้นสุด มี.ค. 2017 ไปเป็น ก.ย. 2017 แทน รวมไปถึงความเป็นไปได้ในการขยายวงเงิน หรือลดดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรป ยังฟื้นตัวช้า แต่ที่ผ่านมา ECB มักจะทำให้นักลงทุนผิดหวังเป็นส่วนใหญ่
การประชุม BOE วันที่ 15 ก.ย.
น่าจะไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ BOE เพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย และออกมาตรกร QE 6 หมื่นล้านปอนด์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อรองรับความเสี่ยง BREXIT
ความเคลื่อนไหวของ BOJ
ตอนนี้ตลาดเริ่มกังวลว่า BOJ อาจไม่เหลือกระสุนให้ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว การลดดอกเบี้ยให้ติดลบเพิ่มไปอีก ยังไม่แน่นอนว่าผลที่ได้จะคุ้มค่ามั้ย และที่สำคัญ BOJ จะมีการแถลงนโยบายในวันที่ 21 ก.ย. วันเดียวกับการประชุม Fed ด้วย
การหารือเรื่องกำลังการผลิตของ OPEC
ในวันที่ 26-28 ก.ย. กลุ่ม OPEC รวมถึงผู้ผลิตรายอื่น จะมีการประชุมหารือว่าจะคงการผลิตไว้หรือไม่ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน แต่ก็คาดการณ์กันว่า โอกาสจะตกลงกันมีน้อย เพราะซาอุฯเองก็ไม่เห็นด้วย รวมถึงอิหร่านที่อยากจะส่งออกเพิ่ม
นอกจากนั้น ยังมีการ Debate ระหว่าง Clinton vs Trump รอบแรกในวันที่ 26 ก.ย. ต้องมาดูว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน และตลาดหุ้นมองอย่างไร