ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะปัจจัยพื้นฐาน หาหุ้นเด่น

โดย dave
เผยแพร่ :
60 views

เจาะปัจจัยพื้นฐาน หาหุ้นเด่น จากโครงการจัดทำบทวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุน (Extended Research Coverage)

หากเปรียบตลาดหุ้นเป็นสนามรบที่นักลงทุนแต่ละคนต้องฟันฝ่าเพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่ดี นักลงทุนที่จะสามารถอยู่รอดปลอดภัยในตลาดหุ้นได้ ต่างก็ต้องมีอาวุธลับ ซึ่งก็คือ แนวทางหรือกระบวนท่าการลงทุนที่แต่ละคนใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยว ถ้าเราลงทุนอย่างไร้กระบวนท่าแล้ว ก็เหมือนกับเข้าไปต่อสู้ในสนามรบด้วยมือเปล่า ในขณะที่นักรบคนอื่นมาพร้อมอาวุธครบมือ การเอาตัวรอดและเติบโตได้คงเป็นไปได้ยาก

ท่ามกลางแนวทางการลงทุนที่หลากหลาย มีแนวทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน คือ แนวปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) ขนาดที่นักลงทุนบางท่านยึดถือเป็นหลักการว่า “การซื้อหุ้น คือ การซื้อกิจการ” โดยกิจการที่ซื้อนั้นจะดีไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของกิจการ และศักยภาพในอนาคต

หากกิจการมีพื้นฐานดีและมีศักยภาพ ก็ควรจะต้องสะท้อนออกมายังราคาหุ้น ที่ควรจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น นักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานจะเน้นไปที่การศึกษาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ทั้งปัจจัยเชิงคุณภาพ เช่น ความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงปัจจัยเชิงปริมาณ เช่น งบการเงิน และอัตราส่วนทางการเงิน โดยมีเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋าใช้เพื่อตัดสินใจในการซื้อหุ้น คือ มูลค่าพื้นฐาน หรือ Fair Valueโดยเจ้า Fair Value นี้เป็นตัวบอกว่า หุ้นนี้ควรจะมีราคาที่เหมาะสม ณ ตอนนี้ เป็นกี่บาท หากราคาตลาด ณ ปัจจุบันต่ำกว่า Fair Value มากเท่าไร ความน่าสนใจที่จะเข้าซื้อ ก็มีมากขึ้นเท่านั้น และในทางกลับกัน หากราคาตลาด ณ ปัจจุบันสูงกว่า Fair Value มากกว่าเท่า ความน่าสนใจที่ถือหุ้นนั้นต่อไป ก็น้อยลง

โดย Fair Value สามารถคำนวณได้หลายวิธี เช่น

การประเมินมูลค่าหุ้นแบบ Discounted Cash Flow คือการนำกระแสเงินสดสุทธิที่เจ้าของกิจการจะได้รับในอนาคต ซึ่งจะคำนวณตั้งแต่ รายรับ รายจ่าย จนเหลือเป็นกระแสเงินสดสุทธิในแต่ละปี แล้วเอามาคิดลดด้วย Discount Rate ที่เหมาะสม (ในที่นี่คือต้นทุนทางการเงิน หรือ Weighted Average Cost of Capital หรือ WACC) จึงจะได้เป็นมูลค่ากิจการในวันนี้

 

การประเมินมูลค่าหุ้นแบบ Price to Earning (หรือ P/E) คือการเอากำไรต่อหุ้น (Earning per share) ของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ในอนาคต คูณกับ Price to Earning Ratio (P/E Ratio) ของอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น หุ้น A คาดว่าจะมีกำไร 10 บาท/หุ้น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี P/E Ratio เท่ากับ 15 เท่า ก็พอจะประเมินได้ว่าราคาหุ้น A น่าจะอยู่แถว ๆ 150 บาท

 

 

จะเห็นได้ว่า การประเมิน Fair Value นั้น นอกจากจะต้องดูพื้นฐานปัจจุบันแล้ว ยังต้องมีการคาดการณ์ข้อมูลในอนาคตอีกด้วย ทั้งวิธีประเมินแบบ DCF ที่ต้องคาดการณ์กระแสเงินสดสุทธิในอนาคตข้างหน้า  เพื่อนำมาคิดลดเป็น Fair Value รวมถึงวิธีประเมินแบบ P/E ratio ที่ก็ต้องคาดการณ์กำไรของกิจการ เพื่อนำมาหา กำไรต่อหุ้น ในอนาคต แล้วจึงคำนวณเป็น Fair Value ได้ ซึ่งการคาดการณ์ข้อมูลในอนาคตนี่แหละ ที่เป็นโจทย์ยากสำหรับนักลงทุน ที่แม้จะคำนวณได้ถูกต้องตามหลักวิชาการแล้ว แต่เนื่องด้วยตัวเลขที่นำมาใช้บางส่วนเกิดจากการคาดการณ์ ซึ่งหากเรามีข้อมูลไม่เพียงพอ หรือไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจกิจการอย่างจริงจัง ก็มีโอกาสที่ Fair Value ที่ประเมินได้จะไม่นำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่เกิดผลกำไร ทำให้สุดท้ายแล้วจากอาวุธที่จะช่วยเรา กลับกลายเป็นทำร้ายเราแทน

หากนักลงทุนรู้ตัว ว่าไม่สามารถคำนวณหา Fair Value ได้อย่างแม่นยำ หรือไม่มีเวลาทำเอง ควรทำอย่างไรดี ?

จริง ๆ ก็มีตัวเลข Fair Value ที่นักวิเคราะห์ค่ายต่าง ๆ เขาทำมาให้แล้ว และเปิดเผยไว้ในเว็บไซต์ settrade.com ในส่วน IAA Consensus ซึ่งก็เป็นทางลัดให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าไปดูได้เลย

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave