หุ้น JAS กับ "เซอร์ไพรส์" ที่ยังไม่หมด
แจกเซอร์ไพรส์ตลอดทางสำหรับ “จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือ JAS เมื่อล่าสุด มีการประกาศทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ หรือ Tender Offer โดยระบุชื่อ “พิชญ์ โพธารามิก” เป็นผู้ทำคำเสนอซื้อ ในราคา 7.25 บาท และ JAS-W3 หุ้นละ 3.68 บาท กับแบ็คอัพอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่เข้ามาเป็นผู้จัดเตรียมคำเสนอซื้อหลักทรัพย์และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ภายใต้วงเงินไม่เกิน 42,500 ล้านบาท
“พิชญ์ โพธารามิก” ผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้น JAS ได้ทำหนังสือยืนยันต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงเจตนาที่จะถือหุ้นมากกว่าปัจจุบัน เพราะต้องการสามารถบริหารงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และไม่มีเจตนาที่จะนำ JAS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
Talk of the town หุ้น JAS เรียกปริมาณซื้อขายหนาแน่นถึง 1.63 หมื่นล้านบาท จนปิดตลาดมีรายงานสรุปบิ๊กล็อตเฉลี่ยราคา 7.23 บาท จำนวน 77 ล้านหุ้น มูลค่า 556 ล้านบาท
มีคำถามถึงแนวทางทำธุรกิจของ "พิชญ์ โพธารามิก" ซีอีโอและผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS จะดำเนินการอย่างไรต่อไป? รวมทั้งการกู้เงินจาก SCB ในวงเงินที่สูง มาซื้อหุ้นในราคาแพงกว่าราคาพื้นฐานและราคาในกระดาน มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่?
Money Channel สอบถามแหล่งข่าวโบรกเกอร์หลากหลายสำนัก และลองนำมาประมวลเป็น Scenario ถึงเหตุผลความเป็นไปได้ของการทำเทนเดอร์ฯ ในราคาสูง แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้รับรองถึงความถูกต้อง และเป็นเพียงการคาดเดาเพื่อประเมินกลยุทธ์ตั้งรับสำหรับผู้ลงทุน ซึ่งจะต้องมาติดตามเหตุการณ์จริงที่จะเฉลยกันต่อไป
**Scenario 1: การทำเทนเดอร์ฯในราคาสูงถึง 7.25 บาทนั้น "พิชญ์ โพธารามิก" ต้องการรวบรวมหุ้นทั้งหมดเพื่อขายกิจการให้กับผู้ที่ต้องการนำธุรกิจ "Broadband Internet 3BB" มาต่อยอดธุรกิจ เพื่อให้มีความได้เปรียบในแง่การแข่งขันมากที่สุด ในอาณาจักรของโอเปอเรเตอร์ค่ายมือถือ 1 ใน 3 เจ้าใหญ่ คือ ADVANC, DTAC หรือ TRUE
**Scenario 2: มีผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นต่างชาติเตรียมเข้ามาซื้อกิจการ JAS แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่ากรณีนี้เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมูลค่าเทนเดอร์ฯ สูงถึง 7.25 บาท สูงเกินกว่าที่ผู้เล่นรายใหม่จากต่างชาติจะเข้ามาลงทุนเพิ่มเติม ขณะที่การแข่งขันในตลาด Broadband Internet มีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น ผู้ที่จะเสนอซื้อในราคาสูงควรจะเป็นผู้เล่นเดิมที่เป็นโอเปอเรเตอร์มือถือมากกว่า เพราะ JAS มีจุดแข็งจากลูกค้า Broadband Internet ในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก
**Scenario 3: กรณี "พิชญ์ โพธารามิก" ไม่ขายกิจการ ซึ่งผลที่จะตามมาคือสัดส่วนการถือครองผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือ Free Float (สภาพคล่องในการซื้อขาย) จะต่ำกว่าเกณฑ์ 15% ทำให้ต้องมีแนวทางแก้ไขด้วยเครื่องมือทางการเงินในรูปแบบต่างๆตามมา เช่น เพิ่มทุน ซึ่งสิ่งที่ทาง "พิชญ์ โพธารามิก" จะได้รับคือเงินปันผล ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะจ่ายในอัตราสูง
ต้องย้ำว่าข้อมูลทั้งหมดถือเป็นเพียงการคาดเดา เพื่อประเมินกลยุทธ์ตั้งรับสำหรับผู้ถือหุ้น ซึ่งยังต้องรอการตัดสินใจของผู้ทำคำเสนอซื้อรายนี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป? จะยังเป็นหัวเรือใหญ่นำพา JAS แข่งขันในอุตสาหกรรมต่อหรือไม่? และธุรกรรมทำเทนเดอร์ในรอบนี้จะราบรื่นตามความคาดหวังหรือไม่?
สำหรับปัจจัยพื้นฐานหุ้น JAS ค่าย “เอเซียพลัส” ให้ราคาพื้นฐาน 7 บาท ตามแนวโน้มลูกค้าใหม่ที่มากขึ้น เบื้องต้นคาดกำไรปกติปีนี้จะเพิ่มขึ้น 19% มาอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 3.6 พันล้านบาทในปี 2560 และ เพิ่มเป็น 4.19 พันล้านบาทในปี 2561
ด้าน “โนมูระ พัฒนสิน” ระบุว่า ธุรกิจปกติในครึ่งปีแรกของ JAS มีกำไรคิดเป็น 56% ของประมาณการ และคาดครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ใกล้เคียงกัน ตามการขยายโครงข่ายและทำตลาดเชิงรุก ประกอบกับผลบวกการเติบโตของจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมาเป็น 39.7% และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JASIF เพิ่มขึ้นอีก 14% ในปี 2559 นักวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมที่ 6.10 บาท พร้อมกับประเมินว่า JAS จะพิจารณาจ่ายปันผลในปี 2559 ที่ 0.20 บาท และ 0.24 บาทในปี 2560 และ 0.28 บาทในปี 2561
ส่วนโบรกเกอร์ค่าย “บัวหลวง” ประเมินอัตราจ่ายปันผลของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ในปี 2559 จะอยู่ในอัตรา 0.94 บาท คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 7.9% และในปี 2560 คาดจ่ายในอัตรา 1.01 บาท คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 8.60% ตามการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้นราว 2-3% ในทุกๆไตรมาส รวมถึงโอนสินทรัพย์สายไฟเบอร์ออฟติกเพิ่มเติม
************************************************
ชัยรัตน์ พุ่มมาลา, ทีม Business&Finance, Money Channel