เปิด 19 หุ้น Laggard-อัพไซด์สูง หลัง SET ทะลุ 1,600 จุด
.
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ปรับตัวขึ้นร้อนแรง ปิดสัปดาห์ทะลุ 1,600 จุด ได้สำเร็จ ทำให้นักลงทุนหลายคน อาจจะเริ่มเสียดาย ที่ไม่ได้เก็บหุ้นไปตั้งแต่ช่วง SET ลงไปที่ระดับ 1,500 จุด
.
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ชั้นนำของไทย ยังเชื่อว่า 1,600 จุด ในขณะนี้ ยังเป็นเพียงช่วงต้นของตลาด ที่มีโอกาสจะปรับขึ้นต่อได้ในช่วงปลายปี เนื่องจากยังมีปัจจัยเรื่อง เทศกาลการใช้จ่าย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือฤดูกาลท่องเที่ยว ที่จะกลับมาคึกคัก หลังจากเปิดประเทศ เป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญอยู่
.
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นอีกหลายตัว ที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ราคาหุ้นยังขึ้นต่ำกว่าตลาด หรือเรียกว่าหุ้น Laggard ซึ่งทาง "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย " จึงได้รวบรวมมุมมองของนักวิเคราะหืมาห้ได้ติดตามกัน ว่ายังมีหุ้นตัวไหนที่ราคายังน่าสนใจและมีอัพไซด์เหลืออยู่บ้าง
.
โดยบทวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นพื้นฐานดีใน SET100 ที่ราคาปรับตัวลงมากกว่าตลาด (laggard) จากการที่ตลาด (SET) -1.2% ในช่วง 1 เดือน (1M) ที่ผ่านมาจนกลับมามี upside สูงน่าสนใจ ซึ่งประกอบไปด้วย BEC , GPSC , KBANK , PTT , PLANB , ORI , ADVANC , COM7
.
ขณะที่ นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า ฝ่ายวิจัยยังอิงกับธีมเปิดเมืองเป็นหลัก โดยเฉพาะภาคการขนส่งมวลชน ซึ่งที่โดดเด่นสุด คือ BEM ส่วน กลุ่มธนาคาร อิงกับภาวะเศรษฐกิจ และ ราคายัง laggard ซึ่ง SCB เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยกำไรมีการเตบโตที่โดดเด่นในระยะถัดไป
.
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า หุ้นที่ผ่านมาราคาปรับตัวลงไปลึก และ มีความคาดหวังว่าจะมีการฟื้นตัวในระยะถัดไป หรือ นักลงทุนอาจพิจารณาเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี โดยฝ่ายวิจัยโฟกัสไปที่กำไรดีมี Catalyst บวกรอและ วันนี้กลุ่มนิคม มั่นใจได้ว่า จะส่งมอบกำไรครึ่งปีหลังที่ดี เพราะ reopening แล้วไม่มีข้ออ้าง ติดการเดินทางโอนที่ดินอีกต่อไป และ อิงจากเทรนด์การลงทุนโรงงานของต่างชาติย้ายฐานการผลิต จากมาตรการรัฐที่จูงใจ เช่น EV-Chain เป็นต้นหุ้น ซึ่งที่แนะนำ คือ WHA และ AMATA โดยคาดจะกลับมาโดดเด่นกว่ากลุ่ม reopening อื่น ๆ ในช่วงปลายปีนี้
.
ในขณะที่กลุ่มธนาคาร เน้นนักลงทุนให้เริ่มเก็บหุ้นกลุ่มนี้ก่อน และ หลังงบออกยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่น ช่วยหนุนราคาหุ้นแบงก์ทยอยบวกตามคาด และ ยังคงเน้นให้ซื้อหุ้นแบงก์ต่อเนื่อง หรือ Run trend ต่อด้วย ความถูกของ Valuation ซึ่งหากดูจากงบที่รายงานจะพบ ROE ที่สูงเฉลี่ยเกือบ 10% ขณะที่ PBV อยู่ในกรอบ 0.5-0.8 เท่า แค่นั้น ซึ่งถูกมาก เมื่อเทียบแบงก์ต่างประเทศ ROE เฉลี่ย 11-12% แต่ PBV 1.2-1.3 เท่า และ เชื่อว่าจะหนุนให้ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ขึ้นต่อได้อีก โดยหุ้นแนะนำ เช่น KTB , BBL และ TTB

.
***********************************