JMART - เตรียม ICO รองรับธุรกิจไฟแนนซ์ อ้าว แบบนี้ก็ได้เหรอ??
16 ม.ค. 2561 / 16.59 น.
โดย Wattana Stock Page
เป็นเรื่องถกเถียงกันอย่างมากเมื่อ JMART แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า เตรียมให้บริษัทลูกที่ทำธุรกิจสินเชื่อ ระดมทุนด้วยการออกเหรียญสกุลเงินดิจิตอล หรือ ICO จำนวน 300 ล้านเหรียญ
โดยเหรียญดังกล่าวใช้เทคโนโลยี blockchain และจะนำเงินที่ระดมได้มาใช้ธุรกิจสินเชื่อ
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า ทางการของไทยยังออกมาบอกว่าไม่ได้รับรอง cryptocurrency อย่าง bitcoin หรืออะไรก็ตาม และไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย
นอกจากนั้น กฏหมายกฏเกณฑ์เกี่ยวกับการทำ ICO ในบ้านเราก็ยังไม่มีออกมาอย่างชัดเจน
จึงเป็นคำถามว่า JMART จะ ICO เหรียญของตนในประเทศใด? หากเป็นประเทศไทย จะใช้กฏหมายฉบับใดรองรับการทำ ICO ดังกล่าว
เพราะการทำ IPO ของหุ้น ยังมีหน่วยงานกำกับดูแล แต่การ ICO เหรียญนี้ จะมีหน่วยงานใดเป็นผู้กำกับดูแล จะต้องมีหนังสือชี้ชวน มีตลาดรองรับ หรือมีการกำกับดูแล โดยเฉพาะการคุ้มครองนักลงทุนที่เข้าไปซื้อเหรียญนี้อย่างไร?
หากจะบอกว่า บริษัทใดๆก็สามารถทำเหรียญเหล่านี้ขึ้นมาได้ เหมือนในต่างประเทศ แต่เนื่องจาก JMART เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การทำอะไรที่ยังอยู่นอกเหนือการกำกับดูแลก็สามารถจะทำได้อย่างนั้นหรือ?
ความยากมันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็คือ ในการทำบัญชีของ JMART นั้น จะตีมูลค่าบริษัทลูกแห่งนี้อย่างไร? ที่จะให้มันถูกต้องตามกฏเกณฑ์ของประเทศไทย
ส่วนเรื่องเหรียญที่จะออกมานั้น สำหรับผู้ที่สนใจคงต้องพิจารณาให้ดีว่า มีการใช้ประโยชน์กันอย่างไร และมีตลาดรองให้ซื้อขายกันหรือไม่
แต่จากที่อ่านดูแล้ว เหรียญนี้จะมีการ quote ราคากันโดยมีจุดทศนิยมถึง 16 ตำแหน่ง คืออะไรมันจะมากมายขนาดนั้น!!!
กลัวอย่างเดียวว่า การออกเหรียญครั้งนี้นอกจากจะใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการ "ระดมเงิน" แล้ว ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการ "สร้างมูลค่าเทียม" ที่เกิดขึ้นกับบริษัทลูกแห่งนี้หรือไม่
เพราะโดยทั่วไป หลังการทำ ICO บริษัทเจ้าของเหรียญจะยังคงถือครองเหรียญอยู่จำนวนหนึ่ง หากราคาเหรียญในตลาดมีราคาที่สูงขึ้น ก็ย่อมทำให้ asset ของบริษัทมีมูลค่าที่สูงขึ้นตามไปด้วย และหากมูลค่าของบริษัทลูกเพิ่มขึ้นจากมูลค่าเหรียญที่สูงขึ้น ย่อมกระทบเข้ามาสู่งบการเงินของ JMART เช่นกัน
ผมไม่ได้ต่อต้านเรื่อง cryptocurrency แต่หาก ก.ล.ต. หรือหน่วยงานภาครัฐเห็นว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ และจะเป็นประโยชน์ ก็ควรที่จะออกกฏเกณฑ์มาควบคุมและกำกับดูแลว่ามีข้อมูลใดที่จำเป็นต้องเปิดเผยบ้าง
ไม่ใช่ข้างหนึ่งก็เย้วๆบอกว่า ไม่ยอมรับ cryptocurrency แต่อีกข้างหนึ่งก็ยอมให้บริษัทจดทะเบียนทำได้
เพราะคนที่ซวยที่สุดก็คือ "นักลงทุน" เนื่องจากเราไม่รู้ว่าควรจะตีมูลค่าธุรกรรมนี้อย่างไร