ห้องเม่าปีกเหล็ก

เครื่องดื่มชูกำลัง-บะหมี่ฯ หดตัว ย้ำภาพกำลังซื้อฐานรากลำบาก!

โดย สัมภาระ
เผยแพร่ :
35 views

เครื่องดื่มชูกำลัง-บะหมี่ฯ หดตัว ย้ำภาพกำลังซื้อฐานรากลำบาก!

By สาวิตรี รินวงษ์

 

 

กระทิงแดง-มาม่า 2 สินค้าที่อยู่ในตลาดใหญ่หรือแมส มีกลุ่มเป้าหมายประชากรฐานรากเป็นสำคัญ 2 ผู้บริหารอ่านกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ฉุดเครื่องดื่มชูกำลัง-บะหมี่ฯหดตัว

2 สินค้าที่เจาะตลาดผู้บริโภคฐานราก และมีกำลังซื้อชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องยกให้ “เครื่องดื่มชูกำลัง” ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือ “ผู้ใช้แรงงาน”หรือ Blue Collar อีกหมวดที่ภาพจำยังชัดเจนคือ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” โดยเฉพาะตลาดหลักซอง 7 บาท แม้พฤติกรรมการบริโภคจะมาจากความสะดวก อร่อย อิ่ม แต่เหตุผล “การประหยัด” เป็นสัดส่วนใหญ่สุด

กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์ 2 ผู้บริหารจากบิ๊กคอร์ป เจ้าของบิ๊กแบรนด์ที่ทำตลาดกับประชากรฐานรากมาอย่างนาน และให้คำตอบสอดคล้องกันว่า “กำลังซื้อผู้บริโภคลดน้อยถอยลง” เป็นปัจจัยใหญ่ที่กระทบการเติบโตของการค้าขายสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังและบะหมี่ฯ

วรวุฒิ พงศ์ชินภัค ประธานผู้บริหารสายงานขายและการตลาดประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP ฉายภาพว่า ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่าราว 2.2 หมื่นล้านบาท ปี 2568 เดิมคาดการณ์จะเติบโตประมาณ 6% ผ่านไปครึ่งทางหรือ 6 เดือนแรก สัญญาณเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ชะลอตัว ทำให้ปรับประมาณการเติบโตเหลือเพียง 3%

“ทิศทางตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปีนี้คาดว่าจะเติบโตน้อย เพราะครึ่งปีแรกทรงๆตัว จากกำลังซื้อประชากรฐานรากได้รับผลกระทบ และด้วยเศรษฐกิจน่าจะยากลำบากขึ้น”

กลยุทธ์การตลาดครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทต้องมุ่งนำเสนอสินค้าใหม่ ขยายกลุ่มเป้าหมายเจาะคนรุ่นใหม่มากขึ้น และยังเป็นการขานรับตลาด “เครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียม” หรือโมเดิร์นเอนเนอร์ยี ที่เติบโตสูง แม้สัดส่วนในตลาดยังน้อยราว 10% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ทิศทางยังโตต่อแน่นอน ภาพรวมปี 2568 คาดว่าไม่ต่ำกว่า 35% เพราะผู้บริโภตต้องการความสดชื่นระหว่างวัน ความซ่า และแบรนด์มีสินค้ารสชาติใหม่ๆ ตอบโจทย์ทั้ง เรดบูล โซดา และมี “แบมแบม GOT7” เป็นพรีเซ็นเตอร์

สำหรับตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ราคาขายปัจจุบันของ 3 บิ๊กแบรนด์อยู่ระดับ 10 บาท Magic Price ตลอดกาล และราคา 12 บาทต่อขวด ซึ่งแบรนด์พยายามสลัดภาพลักษณ์ไปสู่ความเป็นพรีเมียมมากขึ้น

ด้านตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหญ่ไม่แพ้กันด้วยมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท มี 3 บิ๊กแบรนด์ห้ำหั่นกัน และมีบะหมี่พรีเมียมแบรนด์ไทย-เกาหลี เพิ่มจำนวนสินค้า ยี่ห้อมาแย่งตลาดมากขึ้น

พันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ ไทยเพรซิเดนท์ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดบะหมี่ฯปี 2568 ลุ้นเห็นการเติบโต 4-5% เพราะมีบะหมี่ฯพรีเมียมสร้างปรากฏการณ์ ทำให้กลายเป็น “ปีแห่งบะหมี่ฯทางเลือก” และหนุนภาพรวมให้ขยายตัว แต่หากเจาะลึกบะหมี่ฯหลักแบบ “ซอง7บาท” ปีนี้ไม่โต เหตุผลหลักที่กระทบตลาดคือ “ผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ-ไม่มีเงิน!”

“ปี 68 ตลาดบะหมี่ฯแบบซองเดิมๆ ไม่สามารถทำให้ภาพรวมเติบโตได้ แต่ 6 เดือนที่เหลือเชื่อว่าตลาดบะหมี่ฯยังโต แต่มาจากเซ็กเมนต์พรีเมียม บะหมี่ฯยังเป็นอาหารที่ผู้บริโภคให้แวลู ไม่ได้มองแค่ทานเพราะความสะดวก อร่อย คนกินมีหลายตลาด แต่กินเพราะประหยัดอาจมีเยอะสุด คนไม่ได้กินบะหมี่ฯเพราะจน แต่กินเพราะฉันชอบ ส่วนบะหมี่ฯพรีเมียมคนกินละเลียดขึ้น”

 

ไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้จากการขาย 7,051 ล้านบาท เติบโตเพียง 0.68% และ “กำไรสุทธิ” จำนวน 981 ล้านบาท “ลดลง 14.24%” ซึ่งถือว่าค่อนข้างแรง เนื่องจากผลกระทบจากต้นทุน โดยเฉพาะราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น เฉลี่ยแตะ 45-46 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากปีก่อนซื้อราคาเฉลี่ย 38 บาทต่อกก.

แรงฮึดครึ่งปีหลังของ “มาม่า” เดินหน้าออกสินค้าใหม่ด้วยรสชาติ รวมถึงจัดโปรโมชันแห่งปีเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งปี 2568 มุ่งทะยานสู่ 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 4% จากปี 2567 รายได้กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

 

ที่มา..  https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1183902

 


สัมภาระ