ห้องเม่าปีกเหล็ก

“สินเชื่อแบงก์” ยังมี NPL - “หุ้นกู้” มี Default เป็นเรื่องธรรมชาติ…

โดย water
เผยแพร่ :
395 views

“สินเชื่อแบงก์” ยังมี NPL - “หุ้นกู้” มี Default เป็นเรื่องธรรมชาติ…

มั่นใจไม่กระทบตลาด พร้อมเตือน “High Yield-มีหลักประกัน” ไม่ได้ทำความเสี่ยงลดลง!!!

 

.

Fun of Funds: “ปีเสือ-2022” ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นกู้สุดคึกคักเอกชนแห่ออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนทางการเงินรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จนทุบสถิติการออกหุ้นกู้ระยะยาวทำสถิติ “สูงสุดใหม่” (All Time High) ที่ 1.27 ล้านล้านบาท

.

โดยมี “ผู้ออกหุ้นกู้ระยะยาวรายใหม่” (Newcomer) เพิ่มขึ้น 30 บริษัท จาก 15 หมวดธุรกิจ และทาง “สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย” (ThaiBMA) มั่นใจว่า “ปีกระต่าย-2023” ยอดออกจะ “ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท”

.

แม้ว่าเปิดศักราชมาจะเจอข่าว “หุ้นกู้ ALL” ผิดนัดชำระหนี้ (Default) ก็ตาม แต่ถือเป็นเรื่อง “ปกติ” และไม่กระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้อย่างแน่นอน!!!

.

ด้านการลงทุนของ “นักลงทุนต่างชาติ” ในปี22 ก็มีการซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยสะสมทั้งปีที่ 46,611 ล้านบาท และคาดว่าจะยังต่อเนื่องในปีนี้เช่นกัน บทสรุปของ “ตลาดตราสารหนี้ไทย” ในปีที่ผ่านมามีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ตามทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthythai’ ไปอัพเดทข้อมูลพร้อมกันได้เลย

.

“หุ้นกู้” ปี22 สุดคึก ออกทะลุ 1.27 ล้านล้านบาท ทำ “All Time High”…มั่นใจปีนี้ออก “ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท”

.

โดย “ดร.สมจินต์ ศรไพศาล” กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) บอกว่าตลาดตราสารหนี้ไทยในปี22 มีการเติบโตที่โด่ดเด่น มี “มูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย” ณ สิ้นปี22 อยู่ที่ 15.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากปี21 โดยมาจากตราสารหนี้ภาครัฐและหุ้นกู้ภาคเอกชนที่ขยายตัวในอัตรา 14% และ 9% ทำให้มีมูลค่าคงค้างที่ 7.77 ล้านล้านบาท และ 4.57 ล้านล้านบาท ตามลำดับ และในปีที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ยังมีพัฒนาการ 5 ด้านที่สำคัญ คือ

.

1) การออกหุ้นกู้ระยะยาวทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ที่ 1.27 ล้านล้านบาท นับเป็น “ปีที่3” ที่ยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวทะลุ 1 ล้านล้านบาท

.

2) การเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน หรือ ESG Bonds (Environmental, Social and Governance) เพิ่มขึ้น 21% ในปี22 มีมูลค่าการออกรวม 210,994 ล้านบาท ทำให้มูลค่าคงค้างของ ESG Bonds ณ สิ้นปี22 ขึ้นมาอยู่ที่ 501,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 66% จากสิ้นปี21

.

3) การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล (Digital Bond) บนแอปพลิเคชันเป๋าตังในปี22 รวม 11 รุ่นจากผู้ออก 8 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม 29,074 ล้านบาท

.

4) มีบริษัทหลักทรัพย์ที่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจตราสารหนี้ (New Players) จำนวน 5 บริษัท

.

5) โมบายแอปพลิเคชัน MeBond ที่พัฒนาโดย ThaiBMA ได้รับความนิยมจากนักลงทุนตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มียอดดาวน์โหลดทะลุ 35,000 ครั้งในปี22 เพิ่มขึ้นกว่า 23,000 ดาวน์โหลดจากปี21

.

“คาดว่ายอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวทั้งปี ‘ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท’ จากความต้องการของภาคเอกชนในการออกหุ้นกู้ที่ยังมีอย่างต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมา ในขณะที่การสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของผู้ร่วมตลาดคาดว่า กนง.จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2-3 ครั้งในปี23 สู่ระดับ 1.75-2.00% ส่วน Bond yield รุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในกรอบ 20-30 bps. จากสิ้นปี22”

.

“ต่างชาติ” ซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยปี22 กว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ลง ไตราสารหนี้ระยะยาว”...คาดปี23 ไหลเข้าต่อเนื่อง

.

ด้าน “กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ” (Fund flow) ในปี22 นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในช่วง ไตรมาสที่1 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นการขายสุทธิในช่วงไตรมาส2-3 แล้วจึงกลับเข้าซื้อสุทธิอีกครั้งในไตรมาสที่4 เมื่อรวมทั้งปี22 นักลงทุนต่างชาติมียอดการซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 4.7 หมื่นล้านบาท โดยมียอดการถือครองตราสารหนี้ไทยที่ระดับ 1.07 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.8% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยอายุคงเหลือเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่นักลงทุนต่างชาติถือครองเท่ากับ 7.96 ปี

.

“จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปี23 ก็มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้ามาต่อเนื่องในปีนี้ได้ และสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ของต่างชาติส่วนใหญ่ก็เป็นระยะยาว การเข้าหรือออกจากตลาดตราสารหนี้ของต่างชาติในตราสารหนี้ระยะสั้นในช่วงที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นระดับปกติและไม่ได้ส่งผลกระทบให้ตลาดมีความผันผวนแต่ประการใด”

.

“High Yield” มีสัดส่วนเพียง 7% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้เอกชน...“หุ้นกู้มีปัญหา” แค่ 2.18% เท่านั้น

.

ด้าน “อริยา ติรณะประกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) บอกว่า ยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวปี22 ที่ 1.27 ล้านล้านบาท สูงขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า เป็นการเพิ่มขึ้นจากการออกของผู้ออกทั้งกลุ่ม “Investment grade” และกลุ่ม “High yield” ที่รวมถึง Non-rated จากความต้องการที่สูงของภาคเอกชนในการออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนทางการเงินและเตรียมการรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยในปี22 ได้มีผู้ออกหุ้นกู้ระยะยาวรายใหม่ (Newcomer) จำนวน 30 บริษัท จาก 15 หมวดธุรกิจ ส่วนหมวดธุรกิจที่มีการออกหุ้นกู้ระยะยาวสูงสุด 5 อันดับแรก คือ พลังงานและสาธารณูปโภค, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ,เงินทุนและหลักทรัพย์, ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

.

“สำหรับหุ้นกู้ ALL ที่มีการผิดนัดชำระหนี้จากปัญหาสภาพคล่องนั้น คงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นกู้ที่กำลังคึกคักในตอนนี้แต่ประการใด เพราะ High Yield นั้นขายให้นักลงทุนกลุ่ม High Net Worth เท่านั้น และต้องเป็นกลุ่มที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนด้วย ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบกับหุ้นกู้อสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นไปด้วยคงไม่เป็นเช่นนั้น หุ้นกู้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ก็ยังคงแข็งแกร่งจ่ายดอกเบี้ยได้ปกติ อันนี้เป็นเรื่องเฉพาะบริษัทเป็นสำคัญ ในอดีตกลุ่ม ‘หุ้นกู้ที่มีปัญหา’ ก็มีกระจายไปทุกกลุ่มแต่ก็จำกัดเฉพาะบริษัทเทานั้น”

.

ณ สิ้นปี22 ณ สิ้นปี22 กลุ่ม “High Yield” มีสัดส่วนเพียง 0.32 ล้านล้านบาท คิดเป็น 7% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้เอกชน โดยมูลค่า “หุ้นกู้มีปัญหา” อยู่ที่ 99,420 ล้านบาท หรือ 2.18% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้เอกชนเท่านั้น ในระบบสินเชื่อแบงก์ ก็จะมี “หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้” (NPL) เช่นกัน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลแต่ประการใด!!!

.

“ถ้าไม่นับ ‘หุ้นกู้การบินไทย’ ซึ่งมีมูลค่ามากสุดที่อยู่ใน ‘กลุ่มฟื้นฟูกิจการ’ นั้น หุ้นกู้ที่มีปัญหาจะคิดเป็นเพียง 0.6% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนเท่านั้นเอง และอยากฝากนักลงทุนใน High Yield ปัจจุบันจะมีทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันประมาณ 50-50 แต่หลักประกันไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงของ High Yield ลดลงแต่ประการใด เป็นคนละเรื่องกันก็อยากให้ทำความเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย”

.

นี่คือบทสรุปที่น่าสนใจของ “ตลาดตราสารหนี้ไทย” ในปี22 ที่ผ่านมา พร้อมมุมมองในปี23 นี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าน่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีสำหรับตลาดตราสารหนี้ไทยเลยทีเดียว และแน่นอนย่อมมาพร้อมกับโอกาสการลงทุนของนักลงทุนไทยด้วยเช่นเดียวกัน

 

 


water