สรุปสาระสำคัญ
- นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ออกบทวิเคราะห์ แนะนำลงทุนในหุ้นจีน
- การควบคุมของรัฐบาลจีนที่ผ่านมา เป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางถึงเล็กได้มีโอกาสเติบโต
- สถาบัน Bernstein และ Goldman Sachs ออกบทวิเคราะห์ หุ้นจีนอยู่ในเกรด "ลงทุนได้"
- มีนักลงทุนบางสถาบันมองว่า เวลานี้อาจจะยังไม่ถึงเวลาของหุ้นจีน
------------------------------------
เวลานี้ใช่เวลาที่จะซื้อหุ้นจีนได้หรือยัง ...
ถ้าตอบแบบภาพกว้างๆตามมุมมองของสถาบันส่วนใหญ่ ก็ต้องบอกว่า "ซื้อได้แล้ว"
เช่นมุมมองของ BlackRock ถือเป็นรายแรกๆที่ออกมามี "มุมมองเชิงบวก" ต่อหุ้นจีนมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้เศรษฐกิจจะถูกควบคุมอย่างหนักจากภาครัฐ แต่ทาง BlackRock เองก็ไม่ได้มีการเปลียนมุมมอง ยังคงแนะนำนักลงทุนให้ซื้อหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ของ Bernstein วิเคราะห์ว่า หุ้นจีนอยู่ในระดับชั้นที่ "ลงทุนได้"
โดยมองว่าหุ้นจีนมีปัจจัย 6 อย่างที่จะช่วยหนุนให้มีภาพเป็นบวก ได้แก่
1. สถานะทางการเงินของบริษัทดูดีขึ้น (ยกเว้นภาคอสังหาริมทรัพย์)
2. การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐขนาดใหญ่
3. หุ้นจีนราคาไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับหุ้นทั่วโลก
4. หุ้นจีนมีแนวโน้มเติบโตในแง่ของกำไร
5. เม็ดเงินจากต่างชาติจะไหลเข้ามาในจีน
6. หุ้นจีนหลายๆตัวมีความน่าสนใจ และเติบโตสูงมากในแง่ของศักยภาพทางธุรกิจ
บทวิเคราะห์ของ HSBC มีมุมมองว่า ที่ผ่านมานักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อหุ้นจีนมากเกินไป โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ของจีนหลายๆตัวมีราคาที่ถูกมาก และตกเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบัน (attractive valuations)
บทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs วิเคราะห์ว่า หุ้นจีนลงทุนได้
Goldman Sachs วิเคราะห์ว่า ดัชนี MSCI China index มีโอกาสที่จะเติบโตได้ถึง 16% ในปีนี้ ด้วย P/E ที่ 14 เท่า ถือว่าถูกมากๆ
และเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนจะใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากอเมริกาได้เร็วๆนี้
คำแนะนำจาก UBS ได้ปรับคำแนะนำจาก Underweight มาเป็น Overweight สำหรับหุ้นจีน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกสถาบันจะมองว่าหุ้นจีนอยู่ในเวลาทีลงทุนได้ แต่บางสถาบันมองว่าเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นจีน
เช่น มุมมองของ 3 สถาบัน ได้แก่ Morgan Stanley , Bank of America และ J.P. Morgan มองว่าการเข้ามาควบคุมอย่างหนักของรัฐบาลจีนจะทำให้การเติบโตของธุรกิจขนาดใหญ่ (ที่มีอิทธิพลกับเศรษฐกิจจีน) เติบโตช้าลง ส่งผลต่อภาพรวมของการเติบโตในประเทศจีนเองด้วย
และสิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้เลย คือ การควบคุมที่เข้มข้นมากขึ้นของรัฐบาลสีจิ้นผิง ที่ยังมองไม่ออกว่าจะควบคุมธุรกิจไหนกลุ่มไหนอีกด้วย (The big unknown)
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ : cnbc.com