ตี๋โบ๊โผล่หัวคุย

ลดนำเข้า! นายกฯ ลาวมุ่งส่งเสริมการผลิต ‘ไฟฟ้าพลังน้ำ’ เน้นยั่งยืน-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
.
ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีลาว ระบุว่าลาวจะเดินหน้าส่งเสริมโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับธรรมชาติต่อไป โดยมีพลังงานลมและพลังแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า
.
สำนักข่าวเวียงจันทน์ไทมส์รายงานคำกล่าวของทองลุนเมื่อวันอังคาร (25 มิ.ย.) ว่าลาวเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และต้องการการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของพลังงานและเหมืองแร่ อย่างไรก็ดี การพัฒนาทุกด้านต้องการการวิจัยอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นประโยชน์และมีผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในท้องถิ่นน้อยที่สุด
.
ทองลุนกล่าวในการประชุมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ว่า ลาวสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำได้ราว 40,000 เมกะวัตต์ แต่หากรวมการผลิตไฟฟ้าจากโรงงานที่ใช้พลังงานอื่นๆ เช่น ถ่านหินลิกไนต์ แสงอาทิตย์ และลม ลาวจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้รวมประมาณ 45,000 เมกะวัตต์
.
“ศักยภาพกสนผลิตของเรายังไม่สามารถไปไกลกว่านี้ได้ อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าพลังน้ำเป็นพลังงานสะอาด แต่ทุกโครงการจะต้องมีการวิจัยอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่น” ทองลุนกล่าว
.
ลาวมีเป้าหมายจะลดการนำเข้าพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้านและลดปริมาณการขาดดุลทางการค้าโดยการลงทุนในด้านการก่อสร้างระบบกริดไฟฟ้าแห่งชาติ ซึ่งจะเพิ่มระดับการเข้าถึงไฟฟ้าของแต่ละครัวเรือน ครอบครัว และชุมชน
.
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ปริมาณการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศอื่นๆ ของลาวลดลงร้อยละ 76 เมื่อเทียบปีต่อปี 
.
ปี 2018 ลาวซื้อไฟฟ้าจากไทย 261 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง มูลค่า 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 338 ล้านบาท) ซื้อไฟฟ้าจากเวียดนาม 25 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 61.4 ล้านบาท) และซื้อไฟฟ้าจากจีน 14 กิโลวัตต์ชั่วโมง มูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัญ (ประมาณ 36.8 ล้านบาท) 
.
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของลาวระบุว่า ในไตรมาสแรกของปี 2019 ลาวจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในประเทศ 1,464 กิโลวัตต์ชั่วโมง มูลค่า 122.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.77 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าอยู่ร้อยละ 20