ห้องเม่าปีกเหล็ก

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร: ลงทุนในหุ้นยุคนี้ยังมีโอกาสเปลี่ยนจากยาจกเป็น ‘เศรษฐี’ อีกไหม?

โดย slark
เผยแพร่ :
72 views

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร: ลงทุนในหุ้นยุคนี้ยังมีโอกาสเปลี่ยนจากยาจกเป็น ‘เศรษฐี’ อีกไหม?
The Conversation
23 Dec 2019
เรื่องโดย: ภัทรพร บุญนำอุดม



       ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing: VI) คือคนที่มองเห็นโอกาสในการลงทุน โดยเขาเลือกใช้วิธี ‘ตีแตก’ ด้วยการนำเงินจำนวนสิบล้านบาทที่เก็บสั่งสมมาจากการทำงานหลายสิบปีเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีพื้นฐานที่ดี และมั่นใจว่าทุกๆ ปีหุ้นในกิจการนั้นจะเติบโตในระดับที่มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าในวันที่หยุดลงทุน พอร์ตของเขาจะเติบโตไปจนถึงระดับพันล้าน

        ผลปรากฏว่าการลงทุนในยุคทองของตลาดหุ้นไทยได้สร้างการเติบโตจนทำให้พอร์ตของเขาแตะระดับพันล้านตั้งแต่ก่อนจะวางมือ─ปัจจุบันสมาชิกอีกสองคนในครอบครัวของเขาคือภรรยาและลูกสาว ก็เป็นเจ้าของพอร์ตที่มีมูลค่ารวมกันมากกว่าหกพันล้านบาท

        แม้การสนทนาครั้งนี้จะเกิดขึ้นในยุคที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวและซบเซา ซึ่งว่ากันว่าอาจเป็นจุดสิ้นสุดยุคทองของการลงทุนแบบ VI แต่กูรูท่านนี้ยังมองเห็นความหวังที่สุกสว่างอยู่ในพรมแดนอื่นๆ ซึ่งจะสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนจาก ‘ยาจก’ ให้กลายเป็น ‘เศรษฐี’ ได้เสมอ

        เขายังช่วยเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อการลงทุน─จากเรื่องไกลตัวและเต็มไปด้วยเทคนิคอันซับซ้อน─ให้กลายเป็นรายละเอียดที่สังเกตได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน

        “ในหลายๆ ครั้งความรู้สึกของเราเป็นตัวฟ้อง ถ้าเราไม่พอใจร้านอาหารนั้น เพราะปล่อยให้เราต้องรอนานหรือพนักงานไม่สุภาพ สิ่งเหล่านี้จะคอยฟ้องว่ากิจการของเขาคงจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ในที่สุดกิจการก็จะตกต่ำลงเพราะคนไม่ไปใช้บริการ แต่ถ้าเข้าร้านอาหารไหนแล้วรู้สึกชอบมาก เพราะรวดเร็ว สะอาด พนักงานให้บริการดีเยี่ยม ย่อมแปลว่าคนจะเข้ามากินอาหารที่ร้านนี้เยอะ ในที่สุดกิจการของเขาก็จะเติบโตต่อไป”

        นอกจากบทเรียนอันล้ำค่าที่นำไปใช้ต่อยอดเพื่อสร้างผลตอบแทน แง่มุมอื่นๆ ในชีวิตที่ดอกเตอร์นิเวศน์เปิดเผยกับเรายังสะท้อนให้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต ความสุขที่ตั้งอยู่บนความสมถะและการแสวงหาความสุขจากการสร้างความมั่งคั่ง ที่ไม่ยอมให้เงินตรามาครอบงำชีวิต ดั่งที่เขาคอยย้ำอยู่ตลอดการสนทนา

        “เงินเป็นแค่ส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้เราเท่านั้น และความสุขบางอย่างไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงินตรา”


จริงไหมที่คนทำงานยุคนี้ต้องหมั่นศึกษาเรื่องการลงทุนเอาไว้ด้วย เพราะลำพังแค่การทำงานเก็บเงินไม่เพียงพอต่อการมีชีวิตที่ดีหลังเกษียณ

        จริงแท้แน่นอน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่แตกต่างจากตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น สมัยนั้นการลงทุนยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นของชีวิต เพราะธนาคารให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในขณะที่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงปีละ 1-2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น แปลว่าการทำงานแล้วนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารไม่ใช่หนทางที่ทำให้เงินต้นของเราเติบโตต่อไปในระดับที่น่าพอใจอีกแล้ว ในอนาคตเงินจะยิ่งเฟ้อมากขึ้น และกำลังซื้อจากเงินฝากของเราจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ ลำพังแค่การออมเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจึงอาจไม่เพียงพอต่อการมีชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ

        ผมสนับสนุนให้ทุกคนเรียนรู้เรื่องการลงทุน แต่คนมักจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากและเต็มไปด้วยตัวเลขอันซับซ้อน ซึ่งถ้าเราลองสังเกตดูชีวิตของพวกเราดีๆ จะพบว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ ในแง่ที่ว่าเราเป็นสัตว์ที่ลงทุนสูงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร กว่าที่คนคนหนึ่งจะเกิดและเติบโตขึ้นมาจนสามารถทำมาหากินเลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเอง เขาต้องผ่านการลงทุนมาเป็นเวลาหลายสิบปี

        ซึ่งถ้าเราไปดูสัตว์อื่นๆ จะพบว่าสัตว์บางชนิด อย่างเช่นสัตว์จำพวกปลา พวกมันเกิดมาเพียงแค่สองถึงสามนาทีก็หาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว หรือแม้แต่สัตว์ใหญ่บางชนิด เมื่อเกิดขึ้นมาได้ไม่นานก็สามารถหากินเองได้แล้ว แต่ชีวิตของพวกเราทุกคนที่เกิดขึ้นมา ถ้าไม่มีพ่อแม่คอยลงทุนเลี้ยงเรามาก็คงอดตายกันหมด

        สำหรับผม การศึกษาคือการลงทุนที่มีความสำคัญมากต่อชีวิต เมื่อพูดถึงการลงทุน ย่อมแปลว่าคุณต้องยอมสละอะไรบางอย่างเพื่อที่ว่าในอนาคตคุณจะได้รับอะไรบางอย่างกลับมา เช่น คุณตั้งใจเรียนเพื่อจบออกมาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นหรือได้บริโภคมากขึ้น ดังนั้น มนุษย์คือสัตว์ที่ลงทุนมาโดยตลอด ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่เคยลงทุนกับอะไรเลย

คนที่มีการศึกษาดีจะเป็นนักลงทุนที่เก่งเสมอไปไหม


        ผมคิดว่าการศึกษาที่ดีจำเป็นต่อการเป็นนักลงทุน แต่การศึกษาที่ดีในมุมมองของผมไม่ได้หมายความว่าจะต้องเรียนจบสูงๆ แต่คนคนนั้นจะต้องเข้าใจถึงหลักปรัชญาของการลงทุน รู้ว่าการลงทุนแบบไหนจะประสบความสำเร็จ สำหรับผมหุ้นคือตัวแทนของสรรพสิ่ง─ทั้งเป็นตัวแทนของมนุษย์ ของที่ดิน และของทรัพยากร─การที่เรานำเงินไปลงทุนในหุ้นย่อมเท่ากับว่าเราได้เป็นเจ้าของมนุษย์ เป็นเจ้าของที่ดิน และเป็นเจ้าของทรัพยากร

        ถ้าเลือกลงทุนในคนที่ดี ที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ และมีทรัพยากรที่ดี ก็ย่อมส่งผลให้หุ้นของเรามีค่า ในทางกลับกัน ถ้าคนคนนั้นไม่เจริญก้าวหน้า ที่ดินแห้งแล้ง หรือทรัพยากรขาดแคลน หุ้นของเราก็จะเป็นหุ้นที่ไม่ดี ดังนั้น ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการลงทุนอะไรก็ตาม เราต้องคิดคำนึงอยู่เสมอว่าหุ้นที่เรากำลังจะลงทุนนี้เป็นตัวแทนของอะไร และเมื่อเราเลือกได้อย่างถูกต้อง ปัจจัยต่างๆ ในหุ้นตัวนี้ก็จะเจริญก้าวหน้า แล้วเราก็จะรวย นี่คือหลักการลงทุนที่สำคัญมาก

ถ้าอยากทำความรู้จักกับโลกของการลงทุนอย่างถ่องแท้ ควรทำอย่างไร

        ถ้าอยากเป็นนักลงทุนมืออาชีพ คุณต้องทุ่มเท ให้เวลาศึกษามันทั้งชีวิต แต่อย่างน้อยๆ ผมขอแค่ให้คุณรู้จักกับพื้นฐานของสรรพสิ่งต่างๆ เสียก่อน เช่น รู้ว่าโลกของเราตอนนี้เป็นอย่างไร ชีวิตของมนุษย์เป็นแบบไหน พูดง่ายๆ คือมองคนให้ออก─เขาฉลาด มีจริยธรรม หรือขยันขันแข็งมากน้อยแค่ไหน แล้วคนคนนี้มีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคตอย่างไร─สิ่งที่เราทำคือเลือกซื้อเขาผ่านหุ้น ปล่อยให้เขาเติบโตต่อไปเรื่อยๆ แล้วหุ้นก็จะเจริญเติบโตตามตัวเขาไป จนกระทั่งวันหนึ่งเราจะรวยโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ขอให้การตัดสินใจของเราตั้งอยู่บนความเข้าใจ หรือบางครั้งมันอาจจะง่ายยิ่งกว่านั้นก็คือเพียงแค่เราทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเขา

        เวลานี้ผมมองสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเป็นเรื่องของการลงทุนได้แทบทั้งหมด─ร้านอาหารดังๆ ในห้างสรรพสินค้าก็ล้วนเป็นร้านที่มีหุ้นอยู่ในตลาด โทรศัพท์มือถือของเรา รวมถึงโรงแรมที่เราเลือกไปพักผ่อนในวันหยุด─ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าส่วนใหญ่คนเราใช้ชีวิตอยู่กับหุ้นกันทั้งนั้น  


สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติม ได้ที่นี่ครับ ยาวมากๆ


slark