ห้องเม่าปีกเหล็ก

[ตอนที่ 16] บทความแปลหนังสือ by cmFX ” Price Pattern : Martin Pring on Price Patterns”

โดย cmfx
เผยแพร่ :
65 views

------------------------------------------------------
บทความตอนที่ผ่านๆ มาอ่านได้จาก: http://www.chiangmaifx.com/price-patterns.html

www.facebook.com/275391639215535/photos/pcb.1603468543074498/1603467323074620/
-------------------------------------------------------

 

  1. ความสำคัญของความลึกของรูปแบบราคา

รูปแบบที่มีความลึกมากขึ้นจะมีความสำคัญมากกว่า ถือว่าความลึกของรูปแบบราคาเป็นการกำหนดความสำคัญของมัน เมื่อเราเปรียบเทียบกับเรื่องของสนามรบอีกครั้ง ถ้าฝ่ายตรงข้ามกันมีแนวรบอยู่ใกล้กันมาก ตีเสียว่าประมาณ 100 หลา นั่นก็หมายความว่าการจู่โจมให้ได้ชัยชนะจะมีความสำคัญน้อยกว่าอยู่ห่างกันหลายไมล์ ในกรณีดังกล่าว ยิ่งการสู้รบมีความเข้มข้นมากขึ้นชัยชนะก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้น เช่นเดียวกับในตลาดการเงิน การฝ่า trading range ที่มีความกว้างจะมีความสำคัญทางจิตวิทยามากกว่าการฝ่า trading range ที่แคบ ในทางจิตวิทยา ราคาตลาดมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามสัดส่วนยิ่งมีการแกว่ง (เป็นสัดส่วน) ภายในรูปแบบมากขึ้น การเคลื่อนไหวของราคาที่ตามมาก็จะมีความสำคัญมากขึ้น หากคุณได้ราคาที่มีการแกว่งตัวแบบกว้างๆ ระหว่างการฟอร์มตัวของรูปแบบ คุณก็อาจจะเห็นการแกว่งแบบกว้างๆ หลังมันจบการแกว่งตัวแล้วเช่นกัน

จากที่กล่าวเอาไว้ คือต้องระลึกเสมอว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเห็น trading range แคบและถูกจำกัด การต่อสู้กันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายจะสมดุลกันมาก ซึ่งเป็นความจริงโดยเฉพาะเมื่อระดับของกิจกรรมการซื้อขายลดลงจนแทบไม่มีเลย เมื่อความสมดุลดังกล่าวเอียงไปทางใดทางหนึ่งคุณมักจะพบว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปค่อนข้างเร็วและขึ้นไปสู่ระดับที่สูงกว่าที่ได้จากการวัด เราเห็นตัวอย่างในรูปที่ 6-24 ซึ่งราคาลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดรูปสี่เหลี่ยมแคบๆ ซึ่งตัวชี้วัดของการลดลงนี้อาจมาจากจำนวนครั้งที่เส้นราคาแตะหรือเข้าใกล้กรอบแนวรับ/แนวต้านของสี่เหลี่ยม  ยิ่งมีจำนวนครั้งมากขึ้นเท่าใดมันก็ยิ่งเป็นเส้นแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญมากขึ้น  และการทะลุกรอบก็จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์มากขึ้น

ความหมายของการวัด (Measuring  Implications)

การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะแรกแต่มันไม่สามารถนำมาใช้คาดการณ์ว่าแนวโน้มจะขยายตัวได้ไกลขนาดไหน การตีความรูปแบบราคาก็เป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั้นเนื่องจากการสร้างรูปแบบราคานั้นมีข้อจำกัดในการคาดการณ์ความเป็นไปได้อยู่บ้าง

รูปแบบราคาแทบทั้งหมดต่างสามารถหาราคาเป้าหมาย measuring  objectives ได้จากความลึกของพวกเขา ซึ่งรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน ในรูปที่ 6-9 เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ก่อตัวขึ้นแล้วสิ้นสุดที่จุดสูงสุด (ระยะการแจกจ่ายหุ้น) ซึ่งความหมายของการวัด measuring  implication ก็คือระยะทางแนวตั้งระหว่างกรอบของมัน นั่นคือระยะห่างระหว่างเส้น AA และ BB ที่ลากลงมาจากเส้น BB

 

รูปที่ 6-9 การวัดราคาเป้าหมายจากจุดสูงสุดของรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ในหลายกรณีแนวโน้มราคาจะขยายออกไปไกลกว่าราคาเป้าหมาย  ซึ่งในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ไต่ระดับขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้น ถึงจะเอาชนะแนวโน้มเหล่านี้ได้หลายๆ ครั้ง เราสามารถบอกได้ว่า ราคาเป้าหมายที่มีหลาย ระดับราคานั้นอาจกลายเป็นแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญได้ทั้งนั้น  โดยมันจะหมุนเวียนสลับกันเป็น แนวรับ/แนวต้าน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่แย่หน่อย ที่เราไม่มีทางหาตำแหน่งจุดเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นจริงสำหรับการไล่ราคาหรือการย่อตัวของราคาใดๆ ได้ นี่เป็นการตอกย้ำหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ว่า ไม่มีทางที่จะกำหนดระยะเวลาของการเคลื่อนไหวราคาแต่ละครั้งได้ตลอด เท่าที่ทำได้ก็เพียงแต่การคาดเดาความเป็นไปได้ที่บริเวณเหล่านั้นได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเขตแนวรับหรือแนวต้านหรือไม่เท่านั้น

ดังนั้น สูตรการวัดจึงมีแนวทางแบบคร่าวๆ และมักเป็นค่าต่ำสุด ตัวอย่าง ของเส้นราคาที่ทะลุแนวรับเป็นขาลงและมีราคาเป้าหมายอยู่หลายระดับ ( multiple objective) ได้แสดงไว้ในรูปที่ 6-10 ซึ่งเราจะเห็นว่าราคาดิ่งลงจากเป้าหมายแรกถึงสามครั้ง ทั้งนี้ราคาเป้าหมายที่มีหลายระดับอาจนำมาใช้คาดเดา pivotal point สำหรับการกลับตัวก็เป็นได้ ซึ่งเราจะเห็นได้จากด้านขวาสุดของกราฟ

 

รูปที่ 6-10 ราคาเป้าหมายที่มีหลายระดับ วัดจากจุดสูงสุดของรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า

 

------ จบบทความแปล Price Pattern ตอนที่ 16 ,www.chiangmaiFX.com ------


cmfx