วอร์เรน บัฟเฟตต์ พูดถึงขนาดว่า “ถ้าราคาทองคำลดลงเหลือ 1,000 ดอลลาร์ ผมก็จะไม่ใช่หนึ่งในผู้ซื้อ และถึงแม้ราคาทองคำจะร่วงลงสู่ระดับ 800 ดอลลาร์ ผมก็จะไมใช่ผู้ซื้อทองคำอีกเช่นกัน ทองคำไม่เคยอยู่ในความสนใจของผมเลย” ทำไมล่ะ?

ถ่ายโดย Mark Hirschey Wikipedia 

ทองคำเป็นสิ่งมีค่าที่นักลงทุนจำนวนมากต่างซื้อมาเก็งกำไรเพื่อให้ได้ราคาสูงๆ บางท่านอาจจะไม่ได้ซื้อทองคำที่เป็นทองจริงๆ แต่อาจจะซื้อโดยที่เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Future) หรือเล่นออนไลน์ก็สะดวกโยธิน แม้ว่าทองคำนั้นสามารถเล่นได้ไม่ยาก แค่ซื้อมาเก็งกำไร พอราคาขึ้นก็ขายไป แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มีคนได้ย่อมมีคนเสียจากการเก็งกำไร มีคนหลายคนที่หมดเนื้อหมดตัวจนเป็นหนี้สิน ต้องจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีปัญหามากมาย นักวิเคราะห์ต่างๆมีความเห็นตรงกันว่าทองคำไม่ใช่การลงทุนที่ปลอดภัย และไม่น่าสนใจอีกต่อไป 

เช่นเดียวกับโซรอสที่มองว่ามันมีแต่ความเสี่ยง เขาจึงเลือกที่จะสะสมที่ดินมากกว่าเพราะอรรถประโยชน์ของที่ดินนั้นหลากหลายกว่า เช่น ทำเกษตร ทำที่อยู่อาศัย เป็นต้น 

บัฟเฟตต์กล่าวว่าทองคำนี้ไม่ได้ทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมใดๆชัดเจน ต่างกับที่ดินที่นำไปใช้ประโยชน์หลากหลายกว่า หรือลงทุนในหุ้น เพราะว่าหุ้นเมื่อเวลาผ่านไป จะมีค่ามากกว่าราคาทองแน่นอน ในเวลา 100 ปี ที่ดินหรือหุ้นย่อมมีมูลค่ามากกว่าทองคำแท่งแน่นอน

"ทองคำ 1 ออนซ์สามารถซื้อหุ้นเบิร์กเชียร์ได้ถึง 2 หุ้น หรือ 2 หุ้นหน่อยๆและจนกระทั่งถึงวันนี้หุ้นของเบิร์กเชียร์ก็ยังดีกว่าทองคำเป็นไหนๆ...."

"หากนำทองคำทั้งโลกมาหลอกรวมกันจะได้รูปทรงลูกบาศก์ขนาด 21x21 เมตร น้ำหนัก 170,000 เมตริกตัน ซึ่งจะมีมูลค่า (ในขณะนั้น)ราว 9.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเงินมากมายมหาศาลปานนี้ ยังดีเสียกว่าหากจะนำมาลงทุนด้านอื่น"

ข้อมูลจากไทยรัฐ โพสต์ทูเดย์