ปัจจุบันหุ้นทีมีพฤติกรรมปั่นอย่างหวือหวา ปั่นกันชนิดเย้ยฟ้าท้าดินเริ่มจางหายไป ขณะที่การกล่าวโทษคดีปั่นหุ้นขาดช่วงไปพักใหญ่แล้ว
สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต ) และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้มีมาตรการกํากับดูแลที่เข้มงวดขึ้น จนปราบพฤติกรรมปั่นหุ้นจนอยู่หมัด
ส่วนบรรดาขาใหญ่ เจ้ามือ หรือแก๊งปั่นหุ้น ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในตลาดหุ้น และไม่ได้หยุดพฤติกรรมการปล้นนักลงทุนแต่อย่างใด
เพียงแต่เหล่ามิจฉาชีพในตลาดหุ้นมีวิธีการอื่นในการตักตวงผลประโยชน์ โดยวิธีที่ง่ายสะดวกและปลอดภัยกว่าการปั่นหุ้น
เพราะเปิดปฏิบัติการปล้นนักลงทุน ก.ล.ต และตลาดหลักทรัพย์ฯไม่สามารถทําอะไรได้ เมื่อแก๊งมิจฉาชีพปรับเทคนิคการสูบเงินรูปแบบใหม่
นักลงทุนขาใหญ่ เจ้ามือหุ้นหรือแก๊งปั่นหุ้น ยังกระจายตัวในตลาดหุ้น สร้างฐานที่มั่นคงตามบริษัทจดทะเบียนต่างๆ และผลักดันแผนปล้นเงินผู้ถือหุ้นรายย่อยออกมาเป็นระยะ
การปล้นเงินตลาดหุ้นตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา มักเป็นไปในรูปแบบที่ซํ้าซาก แต่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนใหม่ การปั่นหุ้นเป็นวิธีการที่ล้าสมัย แต่ปรับรูปแบบเป็นการเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน ก่อนผ่องถ่ายเงินออกไป
ตั้งแต่ต้นปี บริษัทจดทะเบียนประกาศเพิ่มทุนแล้วนับสิบๆแห่ง เพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิมก็มี เพิ่มทุนขายบุคคลในวงจํากัด ( PP ) ก็ไม่น้อย หรือขายทั้งผู้ถือหุ้นเดิมควบคู่กับขายพีพีก็หลายบริษัท
บริษัทจดทะเบียนบางแห่งเพิ่มทุนถี่ยิบ โดยในรอบ 3 ปีเพิ่มทุนนับสิบครั้ง ออกหุ้นใหม่ขายเปรอะไปหมด ระดมทุนจนผู้ถือหุ้นเอียน
เมื่อเพิ่มทุนสําเร็จ เงินที่ผู้ถือหุ้นอัดลงไป จะถูกนําไปซื้อทรัพย์สิน ขยายโครงการลงทุน ตั้งบริษัทลูก ปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือ หรือซื้อกิจการอื่นเป็นว่าเล่น และซื้อในราคาสูงลิบลิ่ว
แม้ที่ปรึกษาการเงินอิสระจะคัดค้านการซื้อทรัพย์สิน เพราะประเมินแล้วราคาสูงเกินจริง แต่ฝ่ายบริหารบริษัทจดทะเบียนดันทุรัง ซื้อทรัพย์สินจนได้
ผลที่ตามมาคือ ทรัพย์สินที่ซื้อมาให้ผลตอบแทนไม่คุ้ม บางกรณีต้องขายทรัพย์สินภายหลังในราคาที่ขาดทุน หรือเงินที่ปล่อยกู้บริษัทลูกเกิดความเสียหาย ทําให้ผลประกอบการของบริษัทฯขาดทุน บางบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง 4 - 5 ปี
การเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน กลายเป็นสูตรสําเร็จของแก๊งมิจฉาชีพเพราะสามารถผ่องถ่ายเงินของผู้ถือหุ้นอย่างคล่องตัว โดย ก.ล.ต และตลาดหลักทรัพย์เล่นงานไม่ได้
อย่างมากก็ขอคําชี้แจงเหตุผลการเพิ่มทุน และ อย่างดีก็ขอให้ชี้แจงถึงรายละเอียดการซื้อทรัพย์สิน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนเพียงจ้างนักบัญชี จ้างนักกฏหมาย จ้างที่ปรักษาการเงินมาร่างข้อความแจงกลับตลาดหลกทรัพย์ฯก็จบ
แก๊งมิจฉาชีพยุคใหม่มีความหลากหลาย ไม่จํากัดเฉพาะนักลงทุนขาใหญ่เท่านั้น แต่มีทั้งเซียนหุ้น มีทั้งเสี่ยหุ้น มีทั้งนักการเมือง อดีตข้าราชการมีสีเข้าร่วมวงด้วย
ทุกสาขาอาชีพร่วมขบวนการสูบเงินจากตลาดหุ้นกันหมด
แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ จะเลือกบริษัทจดทะเบียนที่มีสภาพตายซาก ส่องหาหุ้นเน่าที่ถูกปั่นจนชํ้าแล้ว เพื่อเข้าไปสร้างฐานที่มั่น ภายใต้เงื่อนไขโครงสร้างผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยเกือบทั้งหมด เพราะสามารถคุมอํานาจการบริหารได้เบ็ดเสร็จ
เมื่อยึดอํานาจการบริหารได้ ปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัทใหม่เรียบร้อย กระบวนการปล่อยข่าวดี สร้างนวนิยายขายฝันจะเริ่มขึ้น เพื่อชักจูงแมงเม่าให้แห่เข้ามาเก็งกําไร ก่อนตบท้ายด้วยการประกาศเพิ่มทุน
เพิ่มทุนแล้วก็ผ่องถ่ายเงินไปซื้อทรัพย์สิน โดยซื้อในราคาแพงเกินจริงอย่างเปิดเผย แต่แอบเจรจาเงินทอนกันลับๆ
ยิ่งเพิ่มทุน ยิ่งซื้อทรัพย์สิน คนที่คุมเกมอยู่เบื้องหลังยิ่งรวย ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยจนลงเพราะถูกปล้นโดยไม่รู้ตัว ยิ่งใส่เงินเพิ่มทุน ยิ่งหมดตัว
การเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน ขยายโครงการลงทุน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ ก.ล.ต และตลาดหลักทรัพย์ทําได้แค่มองตาปริบๆเท่านั้น
ปล่อยให้นักลงทุนรายย่อยหลายแสนคน ต้องตกเป็นเหยื่อของแก๊งอุบาทว์ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 3 เมษายน ปี พ.ศ 2560
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com