ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มแบงก์สัญญาณงบดีมากๆ

โดย Rubio
เผยแพร่ :
72 views
 

ผลประกอบการกลุ่มธนาคารฯ ถือว่าออกมาได้ดีใช้ได้เลยทีเดียว 8 ธนาคารคารฯหลัก มีผลประกอบการรวม 4.2 หมื่นล้านบาท +2% QoQและ +34% YoY

 

ภาพรวมผลประกอบของกลุ่มธนาคารมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ซึ่งนำมาสู่ Credit cost หรือต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ลดลง ด้าน loan growth เติบโตเล็กน้อย 2% QoQ และ 6% YoY ส่วน NIM ปรับเพิ่มขึ้น 3 bps QoQ และ 1 bpsYoY ทั้งนี้หากไม่รวมรายการค่าใช้จ่ายสำรองฯ (LLP) และการตีราคาตลาดสินทรัพย์ (FVTPL) กำไรจากธุรกิจหลักรวมของกลุ่มจะลดลง 6%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10% YoY ใน 4Q64 และเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2564

 

แม้กำไรจากดอกเบี้ยจะลดลงตามการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ แต่ผลประกอบการยังได้แรงหนุนจาก รายได้ค่าธรรมเนียมกำไรจากเครื่องมือทางการเงินและเงินลงทุน Non-NII เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 15% QoQ โดยรายได้ค่าธรรมเนียม bancassurance และกองทุนรวมฟื้นตัวดีขึน 11% QoQ อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น 347 bps QoQ แต่ลดลง 307 bps YoY

 

สำหรับผลประกอบการรวมทั้งปี 2564 กำไรสุทธิของกลุ่มเพิ่มขึ้น 33% YoY และหากตัด BAY + TIDLOR ออกไป กำไรจะเหลือโต 27% YoY ฟื้นตัวจากปี 2563 ที่กำไรหดตัว 32% YoY

 

ทั้งนี้ผลประกอบการรวมปี 2564 มีรายได้จากดอกเบี้ย NII แทบไม่ปรับเพิ่มขึ้นเลย สะท้อนจาก NIM ที่ปรับลดลง 21 bps ซึ่งเกิดจากผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยเต็มปี โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย non-NII กลายเป็นตัวช่วย จากการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 13% โดยรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 7%

 

อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ช่วยให้ผลประกอบการกลุ่มธนาคารฯดีขึ้นคือ ความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ทำได้ค่อนข้างดี สะท้อนได้จากระดับ NPL ที่ทรงตัว พร้อมกับ credit cost ที่ลดลง 21 bps และต้นทุนต่อรายได้ลดลง 152 bps โดย Gross NPLs ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 3% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารต่าง ๆ ใช้มาตรการที่หลากหลายในการรักษาระดับ NPLs เช่นการ write-off หนี้เสียการขาย NPLเป็นต้น

 

ธนาคารฯที่มีผลประกอบการในปี 2564 กำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดคือ BBL +54% YoY หลักๆเกิดจาก non-NII ส่วนการเติบโตของสินเชื่อ สินเชื่อรวมทุกธนาคาร เพิ่มขึ้น 6% YoY โดยสินเชื่อของ KTB โตแรงที่สุดที่ 13% YoY (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อภาครัฐ) รองลงมาคือ BBL ที่ 8% YoY (สินเชื่อธุรกิจ และธุรกิจระหว่างประเทศ) และ KBANK ที่ 8% SCB +2%, TISCO และ TTB สินเชื่อหดตัวลง โดย KKP เท่านั้นที่รุกขยายสินเชื่อใหม่ในกลุ่ม +16% ทั้งนี้ โดยสินเชื่อเริ่มกลับมาโตใน 4Q64 ในกลุ่ม consumer โดยเฉพาะ SCB, TTB, TISCO และ KBANK ซึ่งช่วยเพิ่มมาร์จิ้นไตรมาส 4 กลับมาฟื้นตัว แต่ยังลดลงหากเปรียบเทียบทั้งปี

 

สำหรับในปี 2565 คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะสามารถขยายตัวเพิ่มได้อีก 12% YoY และกลับไปสู่ระดับก่อนเกิด COVID ได้เร็วกว่าที่ตลาดเคยคาดกันไว้ โดยมีสาเหตุมาจากการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ต่อเนื่องจากปี 2564 เช่นการโอน NPA ไปพักที่โกดังสินทรัพย์ เพื่อเตรียมโอนหนี้ในโครงการผ่อนผันหนี้มาเป็น TDR และการจัดการหนี้ในทางเลือกอื่น อย่างเช่น in-house AMCs และ การแยก AMCs ออกไปไว้นอกธนาคาร ซึ่งจะมีผลให้ credit cost ลดลงได้อีกราว 21 bps ส่วนการขยายตัวของสินเชื่อคาดว่าจะยังเป็นไปด้วยความระมัดระวังที่ 5%

 

ประเมิน TTB จะเป็นธนาคารฯที่มีการเติบโตในปี 2565 สูงที่สุดราว 30% รองลงมาเป็น BBL 25% ส่วนธนาคารฯที่จะเติบโตต่ำที่สุดคือ BAY ที่ -20%


Rubio