การขึ้นภาษี ใครได้ใครเสีย?

มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่านโยบายกำแพงภาษีต่อจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีผลเสียต่อชาวอเมริกันเพราะจะทำให้ชาวอเมริกันซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น แต่ผู้โพสต์มีความเห็นว่าเมื่อนำมาคิดถึงผลได้ผลเสียโดยรวมแล้ว ชาวอเมริกันน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ตามตัวอย่าง ดังนี้ คือ :

เมื่อสหรัฐอเมริกามีการตั้งกําแพงภาษีต่อจีน เช่น จํานวน 200,000 ล้าน USD จากเดิม 10% เป็น 25% ในวันนี้ วันที่ 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561 ณ.เวลา 12:01 นาฬิกา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ :

1) รัฐบาลอเมริกันได้ส่วนเกินภาษีเดิมคือ 15% ซึ่งเงินจํานวนดังกล่าวนี้ รัฐบาลอเมริกันสามารถนําไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆได้

2) ชาวอเมริกันซื้อสินค้าจากจีนสูงขึ้น 15% จากกําแพงภาษีที่สูงขึ้น

3) เมื่อสินค้าจากจีนมีราคาสูงขึ้น ชาวอเมริกันบางส่วนหรือหลายส่วนก็จะหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา ที่มีราคาเท่ากับหรือสูงกว่าสินค้าจากจีนเล็กน้อย แต่คุณภาพดีกว่าสินค้าจากจีน เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนนั้นโดยปรกติแล้ว ราคามักจะถูกจริงแต่คุณภาพมักจะไม่ค่อยดี เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา และเมื่อชาวอเมริกันบางส่วนหรือหลายส่วนหันมาซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา ก็จะเกิดการซื้อขายหมุนเวียนของสินค้าที่ผลิตภายในสหรัฐอเมริกาเอง และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนชาวอเมริกันมีงานทํา และทําให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาดีขึ้น

4) คนงานจีนตกงานทันที 800,000 คน และคนงานจีนมีโอกาสตกงานเพิ่มเป็นล้าน หรือหลายล้านคน ในอนาคตเพราะสินค้าที่ผลิตได้ไม่สามารถส่งออกไปขายยังสหรัฐอเมริกาซึ่งเคยเป็นตลาดหลักของจีนในอดีตได้ และมีโอกาสที่จะตกงานเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตจากผลพวงของการกีดกันสินค้าดังกล่าวข้างต้น

เพราะฉะนั้น " ผู้โพสต์จึงมีความเห็นว่านโยบายกําแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาต่อจีน น่าจะมีประโยชน์ต่อชาวอเมริกัน และเป็นผลเสียต่อชาวจีนโดยรวม "

หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com