4 เคล็ดลับ หาหุ้นส่วนที่ใช่ ให้ธุรกิจรุ่ง!
บทความจากคอลัมน์ "Entrepreneur Chat" บนแอป 2read
.
.
ไม่มีใครประสบความสำเร็จเพียงลำพัง
ทุกๆ ครั้งที่เริ่มต้นทำธุรกิจ
บางครั้ง ความสำเร็จของเราก็มาจาก “ลมใต้ปีก” ที่ช่วยสนับสนุน
.
.
และแน่นอนการทำธุรกิจ
บางครั้งเราก็จำเป็นต้องมี “คนที่ใช่”
คนที่มาร่วมหัวจมท้ายเดินไปสู่เป้าหมายด้วยกัน
(คล้ายๆ การแต่งงานนั่นแหละ)
ในที่นี้ เราเรียก “หุ้นส่วน Partner หรือ Co-Founder” ตามแต่สถานะ
.
.
มาดูกันว่า การจะหาคนที่ใช่มาร่วมทางธุรกิจกัน
เราต้องใช้คุณสมบัติอะไรกันบ้าง
.
.
4 เคล็ดลับ หาหุ้นส่วนที่ใช่ ให้ธุรกิจรุ่ง
1. เชี่ยวชาญให้แตกต่างกัน แต่เสริมกันให้เติบโต
หาคนเก่งมาทำเรื่องที่เราไม่ถนัด
นี่คือหัวใจของการบริหาร
และแน่นอน การมองหาหุ้นส่วนคือ
คุณต้องหาคนที่มีความเชี่ยวชาญนั้นๆ มาผสมผสาน
คนนี้เก่งด้านการออกแบบ อีกคนเก่งด้านไอที
อีกคนเก่งการเงิน อีกคนเก่งด้านสายสัมพันธ์
คอนเน็กชั่นกว้างขวาง
และมองกลับมาว่า คุณเก่งด้านไหน
ให้หาคนที่มีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายแตกต่างจากคุณเอง เพื่อผสมทีมให้กลมกล่อมมากขึ้น
.
ผู้เขียนเคยมีโอกาสสัมภาษณ์ เจ้าของร้านขนมชื่อดังย่านทองหล่อ ที่ปัจจุบันแบรนด์ของเธอดังไกลจนสิงคโปร์เข้ามาซื้อหุ้น
เธอเล่าว่าตอนเริ่มต้นธุรกิจ เธอเก่งเรื่องการทำขนม
เรื่องการดีไซน์ภาพลักษณ์ของแบรนด์
แต่อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ติดตลาดและประสบความสำเร็จคือพี่สาว ผู้เก่งเรื่องการจัดการหลังบ้าน ตัวเลข บัญชี
นี่อาจเป็นตัวอย่างของหนึ่งในสูตรการทำธุรกิจที่ลงตัว
.
.
2. ทัศนคติต้องมาก่อน
การทำธุรกิจคือการมองไปที่ Goal เป้าหมายเดียวกัน
และสิ่งสำคัญของหุ้นส่วนที่จะลงเรือลำเดียวกันคือทัศนคติ
.
บางคนคิดเริ่มต้นธุรกิจที่ความร่ำรวย
เขาก็อาจจะโฟกัสที่ตัวเลขอย่างเดียว
บางคนคิดลงทุนธุรกิจ
เพราะอยากให้วิชาชีพของตนได้ช่วยเหลือผู้อื่น
บางคนอยากสร้างความยั่งยืนเล็กๆ บนโลกใบนี้
ซึ่งทัศนคติเหล่านี้ไม่มีผิด ไม่มีถูก
แต่สิ่งสำคัญคือต้องสอดคล้องกันทั้งทีม
จึงจะทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปในจังหวะที่พร้อมๆ กัน
.
สำหรับผู้เขียน เวลามองหา Partner ในการทำสิ่งใดก็ตาม ทัศนคติและนิสัยเป็นสิ่งสำคัญ
ผู้เขียนจะเลือกคนที่ไม่บ่นใคร
ไม่เมาท์นินทาว่าร้ายใคร มาก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะนี่คือความคิดพื้นฐานที่เชื่อว่า
ทุกๆ งาน เราทำได้
อันดับต่อมาคือ มีความรับผิดชอบ
และต้องมีใจที่เปิดกว้าง
พร้อมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
.
.
3. ชัดเจนเรื่องตัวเลข
เพราะเราทำธุรกิจกัน ไม่ใช่ทำรายงานกลุ่ม
ดังนั้น เรื่องตัวเลข กำไร ขาดทุน
ก็คือสิ่งที่ต้องจัดการให้ชัดเจนตั้งแต่วันแรก
หุ้นคนนี้ลงเงิน หุ้นคนนี้ลงแรง
เคลียร์กันให้ชัดเจนถึงตัวเลขและผลตอบแทนที่จะได้รับ หรือมีการร่างบันทึก ร่างสัญญาประกอบการประชุมในแมตช์ต่างๆ
.
อย่าลืมว่า หุ้นส่วนแตกกันเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ มาแล้วหลายเคส ดังนั้นควรจัดการเรื่องตัวเลขให้ชัดเจน เข้าใจตรงกันก่อนเริ่มธุรกิจ
.
.
4. คนหนึ่งลงแรง คนหนึ่งลงทุน จะคิดสัดส่วนอย่างไร?
มีเคสน่าสนใจ เรื่องการจัดสรรปันหุ้น
ระหว่างคนหนึ่งลงแรง คนหนึ่งลงเงิน
เราจะแบ่งหุ้นกันอย่างไร
ไอเดียวิธีการประเมินคร่าวๆ คือ
หากต้องการเปิดร้านอาหาร
เงินลงทุนต่อปีคิดเป็น 300,000 บาท
ให้แบ่งเงินต้นทุนออกเป็น 50%
โดย 150,0000 บาท เป็นต้นทุนค่าจ้างผู้จัดการร้าน
และอีก 150,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลอดทั้งปี
.
ดังนั้น คนแรกที่ลงแรง ก็จะใช้แรงของตัวเองเป็นต้นทุนตลอดทั้งปี เสมือนว่าใส่เงินทุนลงมาในธุรกิจนี้แล้ว 50% และเพื่อนที่ลงเงินทุนเป็นตัวเลขก็ใส่เงินจริง 150,000 บาท
วิธีนี้ก็จะทำให้คิดสัดส่วนหุ้นได้คนละ 50 / 50 % อย่างเสมอภาค
.
.
พยายามคิดเสมอว่า...
หุ้นส่วนคือคนที่เข้ามาเติมเต็มเป้าหมายร่วมกัน
เติมเต็มในที่นี้ไม่ใช่แค่เงินลงทุน
แต่คือทัศนคติ มุมมองธุรกิจ
ไปจนถึงร่วมกันต่อยอดคอนเน็กชั่น
.
.
ขอให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น
เมื่อเจอคนที่ใช่ ธุรกิจก็ไปรุ่ง!
.
.
เรื่องโดย : วีรภา ดำสนิท
ภาพโดย : Aotto