ห้องเม่าปีกเหล็ก

STA ดิ่งลง สวนทางโบรกมองอนาคตสดใส่

โดย French Toast
เผยแพร่ :
72 views

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -19 พ.ค. 60 9:30: น.

STA ร่วงแตะ 14.60 บาท ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แม้ไตรมาส 1/60 พลิกมีกำไร 7.57 ล้านบาท ขณะที่นักวิเคราะห์มองอนาคตสวนทาง ให้ราคาเป้าหมายต่างกันสุดขั้ว

ราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ล่าสุดลดลงไปแตะ 14.6 บาท ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หากมองย้อนไปตั้งแต่หลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งราคาหุ้นขึ้นไปแตะ 28.75 บาท จะเห็นว่าหุ้น STA ปรับตัวลงมาแล้วเกือบ 50%

STA ประกอบธุรกิจผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราครบวงจร ทั้งยางธรรมชาติ ยางแผ่นรมควัน (RSS) ยางแท่ง (TSR) และน้ำยางข้น (concentrated latex) รวมถึงธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากยาง จัดจำหน่ายสินค้า และธุรกิจบริการ

เมื่อปลายปี 59 หุ้น STA วิ่งขึ้นประมาณ 160% จากราว 11 บาท ไปทำจุดสูงสุดที่ 28.75 บาท ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน หลังจากที่ราคาหุ้นซึมยาวมาตั้งแต่ปี 54 โดยได้รับแรงหนุนจากราคายางพาราที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี แต่แล้วราคาหุ้นหลังจากนั้นก็ดิ่งลงชนิดที่ว่าไม่มีการหยุดพักในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานี้ ขณะนี้หลายคนคงมีคำถามว่าหุ้น STA จบรอบแล้วหรือ?

แม้ไตรมาส 1/60 บริษัทจะรายงานผลประกอบพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 7.57 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 165.6 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่สามารถจะช่วยให้ราคาหุ้นฟื้นตัวกลับไปได้ โดยบริษัทให้คำอธิบายประกอบไว้ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยางพาราช่วงไตรมาสแรกปี 60 ยังคงเผชิญกับความผันผวน โดยราคายางพาราปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี เมื่อเดือน ก.พ. จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และความกังวลต่ออุปทานที่ลดลงจากภาวะฝนตกหนักในช่วงเดือน ม.ค. ก่อนทีราคาจะพักตัวในช่วงครึ่งหลังของเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ส่วนรายได้จากการขายทำได้ 28,519.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.8% จากปีก่อน

ทั้งนี้ มุมมองในระยะถัดไป ตลาดน่าจะยังให้น้ำหนักและจับตาความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนและเม็ดเงินที่ไหลเข้าออกในการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ราคายางธรรมชาติในประเทศอาจได้รับผลกระทบจากทิศทางการซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Futures Market) โดยเฉพาะตลาดเซี่ยงไฮ้

สำหรับแผนขยายธุรกิจของ STA ในส่วนธุรกิจต้นน้ำ ณ วันที่ 31 มี.ค. กลุ่มบริษัทมีพื้นที่สำหรับธุรกิจสวนยางรวมประมาณ 50,000 ไร่ มีสัดส่วนการปลูกยางแล้ว 87% ขณะที่ธุรกิจกลางน้ำ บริษัทมีเป้าหมาย ‘ศรีตรัง 20’ คือ มีปริมาณการขายคิดเป็นสัดส่วน 20% ของปริมาณความต้องการยางธรรมชาติของโลก จาก ณ สิ้นปี 59 ที่มีสัดส่วน 12% โดยบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.9 ล้านตัน ภายในสิ้นปี 60 และสุดท้ายคือ ธุรกิจปลายน้ำ โดยบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ จาก 40.2% เป็น 90.2% ซึ่งเป็นผู้ผลิต 1 ใน 5 ของโลก

โดยภาพรวมทิศทางของบริษัทเหมือนจะดีขึ้นหากจากทิศทางของราคายางที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิเคราะห์กลับมีความเห็นที่แตกต่างกันไปคนละมุม

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ในระยะสั้น ราคายางอาจมีการผันผวน แต่ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังคงสนับสนุนการเติบโตของทั้งราคาขายยางและปริมาณการยอดขายของ STA โดยก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 60 อยู่ที่ 1.7 ล้านตัน เติบโตราว 14% จากปีก่อน โดยที่เราตั้งสมมติฐานราคาขายอยู่ที่ 210 เซนต์ต่อกิโลกรัม และคาดว่าปี 60 จะมีภาวะขาดดุลยาง เนื่องจากปริมาณการส่งออกจากไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียปรับตัวลดลง ในขณะที่ความต้องการใช้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น จึงยังสนับสนุนให้ราคายางยังคงอยู่ในระดับสูงหากเทียบกับปี 58-59 เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 33.30 บาท

ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้รวมปี 60 ที่ 1.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.8% จากการที่ราคายางแท่งและปริมาณการขายคาดว่าจะมีการเติบโต และคาดว่าจะมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 6% และกำไรสุทธิที่ 1.6 พันล้านบาท

ทางด้าน บล.ซีไอเอ็มบี ไทย แนะนำ ขาย โดยให้ราคาเป้าหมาย 14.9 บาท ซึ่งเป็นการลดราคาเป้าหมายลงจากเดิมที่ให้ไว้ 16.5 บาท เป็นผลจากการที่ผู้บริหารตั้งเป้าหมายปริมาณขายที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.5-1.7 ล้านตัน ในปีนี้ ส่วนกำไรปกติในไตรมาส 1/60 สูงขึ้นเป็น 296 ล้านบาท แต่เราคาดว่ากำไรจะอ่อนตัวในไตรมาส 2/60 ทั้งนี้ เราปรับประมาณการกำไรลง 7-10% ในปี 60-62 เพื่อให้สะท้อนปริมาณขายและราคาขายที่ลดลง

ก่อนหน้านี้ มุมมองต่อหุ้น STA ค่อนข้างจะเป็นบวก จากทิศทางราคายางพารา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นได้เกือบทั้งหมด แต่หลังจากที่บริษัทรายงานกำไรปี 59 ออกมาขาดทุน 758 ล้านบาท ราคาหุ้นก็กลับทิศลงมาในทันที ส่วนทิศทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรอาจจะคาดเดาค่อนข้างยาก เพราะบริษัทมีหลายปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น ค่าเงิน ราคายางพารา หรือการเก็งกำไรราคายางในตลาดฟิวเจอร์ส


French Toast