ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องหุ้น TASCO หลังกูรูแห่ปรับเป้า แต่ราคาพุ่งมาแล้วเกือบ 50%

โดย Financial Investor
เผยแพร่ :
77 views

efinanceThai - ส่องหุ้น TASCO หลังกูรูแห่ปรับเป้า แต่ราคาพุ่งมาแล้วเกือบ 50%

 

  TASCO กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังหุ้นวิ่งเกือบ 50% ใน 6 สัปดาห์ รับอานิสงส์ราคายางมะตอยเดือน ม.ค. พุ่ง 30% นักวิเคราะห์แห่ปรับเพิ่มเป้ากำไรปีนี้ขึ้น แต่อัพไซด์จากราคาปัจจุบันเหลือเพียง 10%

 

  บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO เริ่มกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งตั้งแต่ช่วงปลายปี 59 ถึงต้นปี 60 นี้ หลังจากราคาหุ้นฟื้นตัวจากราว 17 บาท ขึ้นมายืนเหนือ 25 บาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ เป็นการทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา


  TASCO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนน รวมถึงทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ของสนามบิน บริษัทมีโรงงานทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย มีโรงกลั่นยางมะตอยของตนเองที่ประเทศมาเลเซีย และมีรถขนส่งและธุรกิจเรือขนส่งยางมะตอยไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีโรงงานในประเทศจีน อินเดีย และกัมพูชา


 หุ้น TASCO เคยโดดเด่นอย่างมากเมื่อปี 58 หลังจากราคาหุ้น (หลังแตกพาร์) ปรับตัวขึ้นกว่า 5 เท่าตัว จากประมาณ 6.5 บาท ไปทำจุดสูงสุดที่ 43.5 บาท เมื่อเดือน ต.ค. 58 ตามปริมาณการขายที่ทำสถิติสูงสุด และส่วนต่างราคาที่สูงขึ้น หนุนให้บริษัทมีกำไรสูงถึง 5,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 323%


  หลังจากนั้นราคาหุ้นกลับดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในปี 59 ลงมาเหลือเพียง 16-18 บาท หลังจากแนวโน้มยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 2.6 ล้านตัน โดยบริษัทปรับลดเป้าหมายลงมาเหลือ 2.2-2.3 ล้านตัน เพราะประเทศที่เป็นลูกค้าหลักอย่าง อินโดนีเซีย เวียดนาม มียอดสั่งซื้อลดลง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากราว 20% มาเหลือเพียง 18% ตามราคาขายที่ลดลง


  อย่างไรก็ดี ภาพของบริษัทกลับมาสดใสขึ้นอีกครั้งหลังจากเข้าสู่ปี 60 จนนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างพากันปรับประมาณกำไรขึ้น


  บล.เอเซียพลัส ระบุว่า มุมมองเริ่มเปลี่ยน หลังเห็นราคายางมะตอยพุ่งทะยาน โดยราคายางมะตอย Argus ซึ่งเป็นตลาดอ้างอิงในสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นกว่า 30% ในเดือน ม.ค. มาอยู่ที่ 295 เหรียญ/ตัน เทียบกับราคาเฉลี่ยเดือน ธ.ค. 59 ที่ 224 เหรียญ/ตัน และเดือน ก.ย. 59 ที่ 188 เหรียญ/ตัน หลังโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ในเกาหลีใต้ ปรับลดกำลังการผลิตยางมะตอยลงเกือบ 1 ใน 3

เนื่องจากประสบผลขาดทุนจากธุรกิจนี้ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการใช้ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะจากอินโดนีเซียถือเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อราคายางมะตอยในภูมิภาค นอกจากนี้ในประเทศจีนจะเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ในการใช้ยางมะตอยอีกครั้ง หลังผ่านเทศกาลตรุษจีน


  ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 60 ขึ้น 20% เป็น 2,903 ล้านบาท จากสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตามส่วนต่างราคาที่กว้างขึ้น บวกกับแรงเหวี่ยงที่น่าจะเกิดขึ้นได้จากผลประกอบการช่วง 2 ไตรมาสข้างหน้า ที่คาดว่าจะสดใสอย่างมาก จึงปรับคำแนะนำขึ้นจาก Switch เป็น ซื้อ


  ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/59 น่าจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 83% จากไตรมาสก่อน สู่ระดับ 602 ล้านบาท เกิดจากส่วนต่างราคาที่กว้างขึ้นระหว่างราคายางมะตอยที่ปรับขึ้นกว่า 19% เทียบกับราคา ณ สิ้นไตรมาส 3/59 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ใช้อ้างอิงต้นทุนปรับขึ้นเพียง 15% ประกอบกับปริมาณการขายยางมะตอยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5 แสนตันได้อีกครั้ง เนื่องจากจะมีการส่งออก Bitumen Mixture ซึ่งเป็นสินค้าเสริมจากปกติอีกราว 1 แสนตัน บวกกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐตั้งแต่เดือน ต.ค. ช่วยหนุนยอดขายในประเทศให้เติบโตกว่าปกติ


  เช่นเดียวกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคายางมะตอยที่ปรับตัวขึ้น ทำให้กำไรในไตรมาส 4/59 จะสูงถึง 800-900 ล้านบาท ดีขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 600-800 ล้านบาท และทำให้ในไตรมาส 1/60 จะมีกำไรมากกว่า 1 พันล้านบาท แต่สถานการณ์ราคายางมะตอยพลิกผันรวดเร็วมาก เบื้องต้นเราประเมินกำไรไตรมาส 2-4 ปี 2560 จะชะลอตัวลงเหลือประมาณ 700-800 ล้านบาท 


  อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมได้ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น โดยประเมินผลประกอบการในปี 2560 จะมีกำไรประมาณ 3,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 2,794 ล้านบาท


  ส่วน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองว่า ราคาขายยางมะตอยฟื้นตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ที่มากขึ้นในภูมิภาค หลังจากที่ได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 59 ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น 10% มาที่ 55 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาขายไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น 27% เป็น 280 เหรียญ/ตัน เทียบกับเดือน ธ.ค. 59 ที่ 220 เหรียญ/ตัน เป็นผลจากอุปสงค์ของจีนและอินโดนีเซียฟื้นตัวดีขึ้น


  โดยภาพรวม บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม เต็มมูลค่า หลังปรับประมาณการปี 60 เพิ่ม 13% สู่ระดับ 3.54 พันล้านบาท โดยมีสมมุติฐานให้รายได้เพิ่มขึ้นตามราคาขายยางมะตอยที่สูงขึ้น ส่วนคาดการณ์กำไรปี 59 นั้นลดลง 44% จากปี 58 เป็น 2.85 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดที่ผ่านไปแล้ว

 

 ในมุมของการลงทุนนั้น แม้นักวิเคราะห์แต่ละรายจะปรับประมาณการขึ้น แต่อัพไซด์จากราคาปัจจุบันสู่ราคาเป้าหมายถือว่าไม่สูงนัก โดยนักวิเคราะห์ทั้ง 3 รายให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 – 28 บาท คิดเป็นอัพไซด์ราว 10% จากราคาปัจจุบัน และที่สำคัญคือราคายางมะตอยนั้นเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว การจะเข้าลงทุนหรือเก็งกำไร คงต้องติดตามปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด

 

ที่มา efinancethai

 

 


Financial Investor