ห้องเม่าปีกเหล็ก

‘6 แบงก์’ ตั้งสำรองเพิ่ม

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
61 views

‘6 แบงก์’ ตั้งสำรองเพิ่ม 2.8 หมื่นล. รับบัญชีใหม่-เอ็นพีแอลพุ่ง 27%

แบงก์พาณิชย์” แห่ตั้งสำรองเพิ่มไตรมาสแรก หลังเอ็นพีแอลพุ่งจากพิษโควิด ทำเศรษฐกิจชะงัก พร้อมบันทึกขาดทุนทางเครดิต ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 เผย “6 แบงก์” ตั้งสำรองบวกขาดทุนทางเครดิตกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% ขณะเอ็นพีแอลพุ่งกว่า 27%

ธนาคารพาณิชย์ ทยอยประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 มาแล้ว 6 แห่งประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กสิกรไทย (KBANK) ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี-ธนชาต (TMB) ทิสโก้ (TISCO) ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 24,041 ล้านบาท ลดลง 0.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ขณะเดียวกัน พบว่า ธนาคารพาณิชย์มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และรองรับผลกระทบจากโควิด-19  อีกทั้งในไตรมาสนี้ ธนาคารต่างๆต้องบันทึกการตั้งสำรองบนมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9)  หรือบันทึกขาดทุนด้านเครดิต

 โดยธนาคารทั้ง6แห่งมีการตั้งสำรอง (รวมบันทึกขาดทุนด้านเครดิต) 28,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารที่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ธนาคารทิสโก้เพิ่มขึ้น 871% ,ทีเอ็มบี 158% และไทยพาณิชย์ 79%  

ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเช่นกัน โดยเอ็นพีแอลรวมอยู่ที่ 247,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.88% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เอ็นพีแอลรวมอยู่เพียง 193,551 ล้านบาท โดยแบงก์ที่มีเอ็นพีแอลสะสมเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ทีเอ็มบี 102% , ซีไอเอ็มบีไทย 34% และ ไทยพาณิชย์  23%

อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองและเอ็นพีแอลของธนาคารทหารไทย เพิ่มขึ้นหลังจากรวมกิจการกับธนาคารธนชาต ทำให้ขนาดสินทรัพย์ การตั้งสำรอง และมูลค่าเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาก หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่การตั้งสำรองหรือหนี้เสีย มาจากของธนาคารทหารไทยแห่งเดียวเท่านั้น

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้ธนาคารมีกำไรสุทธิ  6,581 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 3,463 ล้านบาท หรือ 34.47% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,830 ล้านบาท หรือ 11.21% ส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของสินเชื่อ รวมทั้งการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรับ เกี่ยวกับการให้สินเชื่อด้วยวิธีดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) จากเดิมรับรู้ตามสัญญา ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 ประกอบกับการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 4,869 ล้านบาท หรือ 39.78% ส่วนใหญ่เกิดจากความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุน จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากผลกระทบของโควิด-19 สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 1,471 ล้านบาท หรือ 9.19% ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายในการจัดการหนี้ ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และค่าใช้จ่ายกิจกรรมทางการตลาด ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 49.31%

 ทั้งนี้ ธนาคารมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss) เพิ่มขึ้นจำนวน 4,292 ล้านบาทจากปีก่อน โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้สอดคล้องกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

สำหรับการเติบโตของสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ระดับ 3.86% จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ที่ 3.65% โดยธนาคารได้มีการติดตามให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งควบคุมดูแลคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด

ด้านนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย  กล่าวว่า ไตรมาสนี้ธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637.7 ล้านบาท หรือ 144.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน 16.8% และการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 3.8% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 20.5% 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น