ธปท. จี้สถาบันการเงิน เช็คคุณภาพ ‘ลูกหนี้’

ธปท. เร่งทุกสถาบันการเงิน เช็คคุณภาพลูกหนี้ หลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ประเดิมแบงก์รัฐก่อน  “ฉัตรชัย” ชี้ ธอส.มีโอกาสหนี้เสียขยับ แต่สามารถรับมือได้ ด้านคลังเล็งคลอดมาตรการช่วยลูกหนี้ประวัติดี

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือกับผู้บริหารของธนาคารเกี่ยวกับการจัดทำระบบติดตามลูกหนี้ เพื่อมอนิเตอร์สถานการณ์ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มที่เปราะบาง

ทั้งนี้ ธนาคารได้รายงานว่า ในกลุ่มที่สามารถติดตามได้ คือ กลุ่มที่ยังชำระหนี้อยู่ ซึ่งอาจจะชำระเฉพาะดอกเบี้ย เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมานั้น อาจจะติดตามได้ยาก แต่ก็พอจะวิเคราะห์ได้ โดยดูจากรายได้ อาชีพ และผลกระทบที่ลูกค้าได้รับในแต่ละอาชีพ เป็นต้น

“เขากำลังจะทำกับทุกแบงก์ แต่เริ่มจากเราก่อน เขาต้องการเช็คว่า คุณได้ทำเฮลท์ตี้เช็คหรือเปล่า ซึ่งเราก็เริ่มมอนิเตอร์ต้องยอมรับว่า หนี้เสียจะไม่เกิดขึ้นเลยนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะเราพักชำระหนี้ไว้ แต่เนื่องจาก เรามีหลากหลายมาตรการรองรับ ทยอยแก้ไปปัญหาให้ลูกหนี้ได้"

สำหรับลูกหนี้ล็อตแรกที่สิ้นสุดระยะเวลาพักชำระหนี้ 1.8 แสนล้านบาทนั้น มีจำนวน 1 แสนล้านบาท ที่เข้าโครงการพักหนี้ต่อ อีก 8 หมื่นล้านบาท เข้าสู่กระบวนการชำระ แต่เราพบว่า ในจำนวนนี้ มี 9 พันล้านบาท ที่มีแนวโน้มเป็นหนี้เสีย โดยมี 5 พันล้านบาท ที่ยังไม่จ่ายเลย ทั้งนี้ ธนาคารจะประเมินลูกหนี้ที่ครบกำหนดมาตรการล็อตที่สองในสิ้นเดือนต.ค.นี้อีกประมาณ 2 แสนล้านบาท”

นายฉัตรชัย กล่าวว่า  เพื่อรองรับปัญหาหนี้เสีย ในระหว่างนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้ไว้เพิ่ม โดยปีนี้ เราคาดว่า จะต้องตั้งสำรองไว้ประมาณ 5.3 พันล้านบาท ซึ่งในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เราตั้งสำรองไว้แล้ว 3.5 พันล้านบาท  ซึ่งยังเหลืออีก 1.8 พันล้านบาท ที่เราจะทยอยตั้งสำรองให้ครบทั้งนี้ การตั้งสำรองดังกล่าว จะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร ซึ่งในปีนี้เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท

“เดือนส.ค.เราตั้งสำรองไป 3.5 พันล้านบาท ก็ยังขาด เราก็จะทยอยสำรองเพิ่ม เป็นการสำรองมากขึ้น ก็เป็นที่มากำไรปีนี้ที่จะต่ำเป้า แต่เรามีความแข็งแกร่งที่จะรับมือ เมื่อถึงวันตกหน้าผา เงินสำรองเราก็มีเพียงพอ”

สำหรับการปล่อยสินเชื่อของธนาคารนั้น ณ สิ้นเดือนก.ย.นี้ปล่อยได้ 1.56 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 2.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 74.62% คาดว่า ไตรมาส 4 นี้จะมากขึ้น  จึงคาดว่า สินเชื่อจะเป็นไปตามเป้า สาเหตุที่ยังปล่อยสินเชื่อได้ เพราะ  ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจะถือเป็นโอกาสในการขอสินเชื่อ

ส่วนลูกหนี้ดีที่ชำระหนี้ได้ตามปกติจะมีมาตรการอะไรเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ เขากล่าวว่า ทางธปท.ก็ได้ตั้งประเด็นนี้ไว้เช่นกัน แต่ที่เราทำได้ คือ การตรึงดอกเบี้ย ขณะที่ กระทรวงการคลังก็กำลังหารือแนวทางช่วยเหลือ

“ที่เราทำได้ คือ ตรึงดอกเบี้ย คลังก็กำลังคุยเตรียมคุย ถ้าเราทำเองไม่ได้ เพราะงบดุลเราเปราะบาง ไม่เหมาะ พอร์ตเรา 1.3 ล้านล้านบาท เข้ามาตรการ 4.5 แสนล้านบาท เหลือ 8 แสนล้านบาท ถ้าอินเซ็นทีฟ ความสามารถกำไร เอาไม่อยู่ ฉะนั้น ก็รอนโยบาย”

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก